แค้นพ่อเลี้ยงปิด Wifi ลูกหมายวางยาฆ่า แม่ไม่แจ้งความหวั่นหมดอนาคต

แค้นพ่อเลี้ยงปิด Wifi ลูกหมายวางยาฆ่า แม่ไม่แจ้งความหวั่นหมดอนาคต


จากกรณีเกิดเหตุ ลูกชายใส่ยาฆ่าแมลงในโอ่งน้ำ หวังฆ่าพ่อเลี้ยงและแม่แท้ๆให้ตายทั้งบ้าน เพราะโกรธที่พ่อเลี้ยงถอดปลั๊กสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ให้เล่นเกมกลางดึก

ล่าสุด นางดวง (นามสมมติ) อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่เปิดเผยเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมพาไปดูในโอ่งน้ำข้างบ้าน 2 โอ่ง ซึ่งยังมียาฆ่าแมลงลอยอยู่เหนือน้ำและตกหล่นอยู่บนพื้น พร้อมเล่าให้ฟังว่า ลูกชายอายุ 29 ปี เป็นลูกที่เกิดกับสามีเก่า วันเกิดเหตุไปกินเหล้าเมากลับมาบ้าน จากนั้นไปนอนเล่นเกมออนไลน์ในมือถือและส่งเสียงดังมากอยู่กะต๊อบหลังบ้าน ห่างจากบ้านแค่ 10 เมตร ทำให้ตนและคนในบ้านนอนไม่หลับ รวมทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กัน

“เมื่อเห็นว่าคนในบ้านและเพื่อนบ้านเดือดร้อน สามีจึงไปถอดปลั๊กสัญญาณไวไฟที่อยู่ในบ้านออก ทำให้ลูกชายโมโหมาทุบฝาบ้านหลายครั้ง สามีจึงออกไปต่อว่าจนเกิดการโต้เถียงกัน ก่อนผู้เป็นพ่อจะชกที่ใบหน้าและหัวไหล่ลูกชายไป 2-3 ครั้ง ทำให้ลูกยอมเงียบลง จากนั้นเวลาประมาณ 03.00 น. ได้ยินเสียงคนเดินข้างบ้านเมื่อลุกขึ้นมาดูที่ประตู จากแสงไฟข้างบ้านทำให้เห็นลูกเดินมาที่โอ่งน้ำข้างบ้าน แล้วเอาอะไรบางอย่างโรยลงในโอ่งน้ำ”

นางดวง เล่าต่อว่า ตนไม่กล้าออกมาดูว่าลูกใส่อะไรลงไปในน้ำ เนื่องจากก่อนหน้านี้เคยเมาสุราแล้วใช้มีดไล่แทงตนมาแล้ว รวมทั้งตาและยายซึ่งเคยพักอาศัยอยู่ด้วยกัน ทำให้ต้องย้ายหนีไปอยู่ที่อื่นเพราะความกลัว พอรุ่งเช้าจึงเข้าไปตรวจดูที่โอ่งน้ำถึงเห็นว่าเป็นยาฆ่าแมลงลอยอยู่ในน้ำและหล่นอยู่กับพื้น จากนั้นไปเล่าให้สามีฟังแล้วพากันไปหาลูกที่กระต๊อบ แต่หนีไปแล้วคาดว่าน่าจะกลัวความผิด

เรื่องนี้ยังไม่ได้ไปแจ้งตำรวจ เนื่องจากเห็นว่าลูกก็คือลูก แม้ว่าจะทำผิดอย่างไร พ่อและแม่ก็พร้อมจะให้อภัย หากไปแจ้งความตำรวจก็จะต้องจับไปดำเนินคดี จะทำให้ลูกไม่สามารถออกไปทำงานที่ไหนได้หากติดคุก

ขณะนี้ปลัดอำเภอกันทรลักษ์ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทราบเรื่องแล้วและได้เข้ามาตรวจสอบเพื่อหาทางช่วยเหลือต่อไป ตอนนี้ครอบครัวหวาดกลัวว่าลูกจะกลับมาทำร้าย เนื่องจากเคยบอกว่าจะฆ่าให้ตายทั้งบ้าน เพราะเวลาเมาจะมีอารมณ์ดุร้ายมาก และเคยติดยาเสพติดมาก่อนด้วย

ด้านนายคำ (นามสมมติ) อายุ 52 ปี พ่อเลี้ยง เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นแบบนี้ ตนก็ได้พูดคุยกับภรรยาแล้ว ขอว่าไม่ให้มีเรื่องมีราว เพราะว่าถึงอย่างไรก็เป็นลูกหากแจ้งตำรวจ ก็จะเสียอนาคต ติดคุกติดตาราง ไม่สามารถออกมาทำงานได้เหมือนกับคนปกติทั่วไป ช่วงนี้ทำได้เพียงระมัดระวังไม่ให้มีเหตุการณ์ร้ายต่างๆเกิดขึ้นมาได้อีก

คาดว่าลูกคงจะคิดได้ว่าไม่มีใครคิดจะรักเท่ากับคนในครอบครัวของตัวเอง ทุกวันนี้ตนเหน็ดเหนื่อยกับการทำงานหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว เงินทั้งหมดที่หามาได้ก็จะให้ภรรยาเก็บทั้งหมดเพื่อใช้จ่ายในครอบครัว

ข่าวอื่นที่น่าสนใจ

“จุรินทร์”ปัดชื่อรัฐมนตรี “ปชป.” ถูกตีกลับ