5 ประเทศรับ “ส้มหล่น” สงครามการค้า “มะกัน-มังกร”

5 ประเทศรับ “ส้มหล่น” สงครามการค้า “มะกัน-มังกร”


โดย….กองบรรณาธิการ ThaiQuote

กว่า 1 ปีเข้าไปแล้ว ที่สงครามการค้าของสองชาติมหาอำนาจของโลกอย่าง “จีน” และ “สหรัฐอเมริกา” เข้าห้ำหั่นกัน และมันนำไปสู่ผลกระทบไปวงกว้าง เพราะทั้งสองประเทศก็เลือกใช้มาตรการภาษีเข้าจัดการ “สินค้า” ของชาติคู่แข่งกันอย่างเต็มที่ และผลพลอยมันเลยเถิดไปกระทบกับอีกหลายประเทศที่เป็นคู่ค้ากับทั้งคู่ 

เพราะบ่อยครั้งที่เกิดการ “คว่ำบาตร” เล็กๆ กับบางประเทศที่เข้าไปข้องเกี่ยวทางการค้าระหว่างกัน

แต่อีกประเด็นคือการกีดกันทางการค้าของทั้งสองประเทศ ทำให้ทั้งคู่ต่างหันไปเลือกประเทศอื่นๆ ในการนำเข้า และผลิตสินค้าที่ชาติตัวเองต้องการแทน

มันจึงทำให้เกิดประเด็นที่หลายคนอาจมองไม่เห็น เพราะมันยังมีอีกบางประเทศที่ได้รับผลประโยชน์จากการที่ทั้งสองชาติอย่าง “พญาอินทรี” และ “มังกร” เข้าห้ำหั่นกันในสงครามการค้าที่เกิดขึ้น

นักวิเคราะห์ต่างชาติ มองถึงผลประโยชน์จากสงครามการค้าไว้อย่างน่าสนใจ และชาติที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากผลพวงของทั้งสองชาติที่เกิดขึ้น นั่นคือ “เวียดนาม” ที่เรียกว่าส้มหล่นเข้าใส่เต็มๆ เพราะทั้งสหรัฐฯ และจีน อันเป็นพันธมิตรกับเวียดนามเลือกให้ส่งสินค้าเข้าให้แทน ผลดังกล่าวจึงกลายเป็นอานิสงส์ให้กับประเทศในอาเซียนชาตินี้ เพราะผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศขยายตัวประมาณ 7.9% ทีเดียว

ซึ่งประเด็นการแก้เกมสงครามการค้าระหว่างสองชาติอำนาจ ในมุม “การควานหาสินค้า” จากทั่วโลก น่าจะง่ายกว่าให้บริษัทของชาติตัวเองต้องไปรองรับกับต้นทุนทางภาษีของชาติคู่แข่งที่จัดเก็บกันเข้มข้นและมีวี่แววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ และแม้ว่าจะบริษัทข้ามชาติจะเลือกย้ายฐานผลิต แต่เมื่อมองในหลักความคุ้มทุนแล้ว การหาสินค้าจากแหล่งอื่นย่อมมีความคุ้มค่ากว่ามาก

เพราะมองตัวเลขว่าทำไมการหาสินค้าถึงคุ้มทุนกว่า นั่นเพราะสหรัฐฯ จัดเก็บภาษีศุลกากร 25% จากสินค้าจีนมูลค่า 250,000 ล้านดอลลาร์ และมันยังไม่พอ เพราะโดนัลด์ ทรัมป์ ยังประกาศเอาไว้แล้วว่า จะขึ้นขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่าราว 300,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้ทางการปักกิ่งตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าอเมริกันมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นกัน

ไม่ใช่แค่เพียงเวียดนามเท่านั้นที่ได้ “ส้มหล่น” จากเหตุการณ์สงครามการค้า เพราะยังมีอีก 4 ประเทศที่ได้เปรียบกับเรื่องนี้เช่นกัน นั่นคือ ไต้หวัน ชิลี มาเลเซีย และอาร์เจนตินา

เวียดนามกับไต้หวันได้เปรียบเพราะส่งออกไปยังสหรัฐฯ ในปริมาณที่มากขึ้นกว่าเดิม ขณะที่อีกสามชาติอย่าง ชิลี มาเลเซีย และอาร์เจนติน่า ก็ได้เปรียบจากการส่งสินค้าไปจีนด้วยเช่นกัน

โนมูระ นักเศรษฐศาสตร์ของวาณิชธนกิจญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญที่อ่านเกมสงครามการค้าครั้งนี้ สะท้อนผลประโยชน์ที่ต่างประเทศได้รับ พร้อมกับเหตุผลที่ว่า ภาษีศุลกากรที่สหรัฐกับจีนตอบโต้กันไปมา ผลักดันให้บริษัทในสหรัฐ หันไปมองหาสินค้าจากแหล่งอื่น ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์สำหรับโทรศัพท์ ชิ้นส่วนสำหรับอุปกรณ์สำนักงาน เครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าเพื่อการเดินทาง ขณะเดียวกัน การที่จีนขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ส่งผลให้บรรดาผู้นำเข้าของจีน หันไปซื้อถั่วเหลือง เครื่องบิน เมล็ดพืช และผลิตภัณฑ์ฝ้าย จากประเทศอื่น

ข้อศึกษาของโนมูระ ก็ยังไม่อาจสะท้อนตัวเลขที่แท้จริงของผลลัพธ์ทีเกิดขึ้นของสงครามการค้า เพราะดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ 5 ชาติเท่านั้นที่จับต้องผลประโยชน์ได้จากการทะเลาะกันของชาติมหาอำนาจ แต่กับประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ก็ได้รับผลกระทบกับเรื่องนี้โดยส่วนมาก โดยเฉพาะกับบริษัทข้ามชาติที่ต้องชะลอการลงทุนเอาไว้เพราะผลพวงทางภาษีของสองชาติที่เอาเข้ามาห้ำหั่นกัน

ข่าวอื่นที่เกี่ยวข้อง
ทำไม”มะกัน”หงายเงิบ เมื่อจีนทิ้งไพ่ “แร่ Rare Earth” ตอกหน้า “ทรัมป์”