ถอดรหัสข้อกล่าวหา “ธนาธร” ที่อาจพรากเขาไปจากการเมืองถึง 9 ปี!

ถอดรหัสข้อกล่าวหา “ธนาธร” ที่อาจพรากเขาไปจากการเมืองถึง 9 ปี!


กลายเป็นกระแสที่ปลุกอุณหภูมิการเมืองให้เดือดพล่านขึ้นมาทันที หลังจากที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ภาพ “หมายเรียก” ของตัวเองในโลกออนไลน์ ระบุถึง ข้อหามาตรา 116 ร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือด้วยวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดจะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน

 

และยังพ่วงอีกความผิด คือ ช่วยเหลือผู้อื่นซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดหรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษโดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ้อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม

ภาษาชาวบ้านว่ากันง่ายๆ ธนาธร กำลังจะถูกดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับ “ความมั่นคง” และยัง “ให้ที่พักพิงกับผู้ต้องหา” เข้าให้อีก

แต่ความกระจ่างในความผิดตามาตรา 116 ที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่กำลังเผชิญ ผ่านการร้องทุกข์กล่าวโทษโดย พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ ฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อเปิดหน้าประมวลกฎหมายว่า ความผิดในมาตราดังกล่าว คือความผิดอะไร คำตอบที่เห็นพบว่า เป็นความผิดในประมวลกฎหมายอาญา หมวดความมั่นคง ซึ่งบัญญัติเอาไว้ว่า

“ผู้ใดกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันไม่ใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยสุจริต

1.เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล โดยใช้กำลังข่มขืนใจ หรือใช้กำลังประทุษร้าย

2. เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือ

3. เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินเจ็ดปี”

นั่นย่อมหมายความว่า หากมีกระบวนการยุติธรรมระบุว่า “ธนาธร” ผิดจริงตามข้อกล่าวหา ธนาธร อาจจะต้องถูกตัดสินจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี บวกกับความผิดที่ระบุกล่าวอ้างว่า ธนาธร ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา ซึ่งพบว่าอยู่ในมาตรา 189 ตามประมวลกฎหมายอาญานั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก็เท่ากับว่า หาก “ธนาธร” ผิดจริง เขาอาจจะต้องถูกจำคุกเป็นเวลาสูงสุดถึง 9 ปี!!

แน่นอนว่ามันย่อมไม่เป็นผลดีต่อ “ธนาธร” และพรรคอนาคตใหม่ ที่ยังอยู่ระหว่างหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง และจะกระทบการการต่อสู้ทางการเมืองของเขาเองอย่างแน่นอน โดยเฉพาะกับประเด็นที่เจ้าตัวยึดมั่นมาตลอดว่าจะขอหยุดการสืบทอดอำนาจของคสช.

อีกประเด็นที่สำคัญ หากคดีเดินไปถึงที่สิ้นสุด และปรากฎว่า “ธนาธร” ผิดดังว่า เขาจะขาดคุณสมบัติความเป็นนักการเมืองทันที และมันจะทำให้เขาหลุดจากเก้าอี้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรค เพราะตามกฎหมายระบุว่า หากต้องคำพิพากษาให้จำคุก และถูกคุมขังโดยหมายของศาล จะทำให้สิ้นสุดการเป็นสมาชิกภาพของส.ส.ในทันที

อย่างไรก็ตาม คำชี้แจงในเบื้องต้นผ่านโลกออนไลน์ของธนาธร ระบุถึงความผิดที่โดนหมายเรียก เจ้าตัวย้ำในตอนหนึ่งว่า

“ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่า ผมไปก่อความกระด้างกระเดื่องหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศตอนไหน ในเมื่อตลอดปีที่ผ่านมา เวลาเกือบทั้งหมดในแต่ละวันของผม ทุ่มไปกับการพบปะประชาชนใน 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย แทบจะไม่ได้เจอหน้าลูกๆด้วยซ้ำ

เป็นที่แน่ชัดว่าเกมการเมืองเก่าไม่ใช่แค่ไม่ยอมยุติลงหลังเลือกตั้ง แต่กลับยิ่งเข้มข้นขึ้น เพราะพวกเขากำลังกลัวอนาคตใหม่ กลัวชัยชนะที่เกินความคาดหมายของหลายๆ คน กลัวความจริงที่ว่าการเมืองที่ชูนโยบาย อุดมการณ์ สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาได้ สร้างแรงสนับสนุนจากประชาชนได้โดยไม่ต้องใช้เงินหรืออิทธิพล กลัวความจริงที่ว่ามีคนเกือบ 6 ล้าน 3 แสนคนที่สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ด้วยใจบริสุทธิ์”

เมื่อธนาธรอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ข้อสงสัยของสังคมจึงจำต้องโยนมายัง “คสช.” ในฐานะที่แจ้งความร้องทุกข์ให้เอาผิดกับธนาธร ซึ่งแน่นอนว่า หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด ก็คงยากที่ตำรวจจะกล้าออกหมายเรียกกับคนที่อยู่ในกระแสสังคมการเมืองในขณะนี้ได้ แต่คำถามที่ตามาคือ หลักฐานอะไร ที่กล่าวหา “ธนาธร” คนที่ฮอตพอสมควรในโลกการเมือง โลกแห่งสังคมเมืองไทยในวินาทีนี้ ถึงขนาดที่เป็นความผิด “ด้านความมั่นคง” และ “ผู้ต้องหา” หรือ “ผู้ถูกกล่าวหา” คนนั้นเป็นใคร ที่ระบุว่า “ธนาธร” ให้ที่พักพิง

แน่นอนว่าสังคมกำลังรอคำตอบ ซึ่งผู้รู้คือ “รัฐ” ฝ่ายเดียว หรือแม้แต่ตัว “ธนาธร” เองก็น่าจะรู้ด้วยเช่นกัน แต่อยู่ที่ว่าใครจะมาเปิดเผยข้อมูลนั้นสู่สาธารณะให้รับรู้

มันช่างน่าติดตาม….

กองบรรณาธิการ ThaiQuote