ไทยโดนหลายฝ่ายกดดันหนัก! ปล่อยตัว “ฮาคีม”

ไทยโดนหลายฝ่ายกดดันหนัก! ปล่อยตัว “ฮาคีม”


กดดันไทยหนัก ปล่อยตัว “ฮาคีม” ทูตออสเตรเลีย จี้ประยุทธ์ ย้ำรัฐบาลไทยควรรับฟังข้อเรียกร้อง ด้านวงการฟุตบอลขู่ หากไม่ปล่อย กระทบแน่แมตซ์สำคัญของฟีฟ่า

จากกรณี นายฮาคีม อัล โอไรบี อายุ 25 ปี ถูกศาลพิพากษาที่ประเทศบาห์เรน จำคุกเป็นเวลา 10 ปี จากการเผาสถานีตำรวจในประเทศบาห์เรนเมื่อปี 2555 แต่ได้มีการขอลี้ภัยไปประเทศออสเตรเลีย ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายฮาคีม เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยพร้อมภรรยา แต่ถูกสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกักตัวไว้เนื่องจากมีหมายจับของตำรวจสากล และทางการบาห์เรนหลายข้อหา

ล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ศาลอาญานัดสอบคำให้การคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน โดยศาลออกนั่งบัลลังก์พิจารณา โดยจำเลยยื่นคำคัดค้านคำร้องอัยการต่อศาลภายใน 10 วัน แต่จำเลยแถลงว่าไม่สามารถยื่นได้ทันภายใน 10 วัน เนื่องจากต้องร้องขอเอกสารจากต่างประเทศในการสู้คดีหลายประเด็น ศาลพิจารณาแล้วให้จำเลยยื่นคำคัดค้านได้ภายในวันที่ 5 เม.ย.62 และนัดตรวจหลักฐานต่อไปในวันที่ 22 เม.ย.62

เอกอัครราชทูตออสเตรเลียกดดันไทย ปล่อยตัว

ด้านนายอัลลัน แม็คคินนอน ว่าที่เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า รัฐบาลออสเตรเลียต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยื่นมือมาช่วยปล่อยตัวนายฮาคีม เป็นอิสระ และอนุญาตให้เดินทางไปออสเตรเลียหาครอบครัว รวมถึงเข้าใจว่ามีกระแสสังคมกำลังเรียกร้องไม่ให้มีการส่งตัวนายฮาคีมกลับบาร์เรน ส่งไปถึงรัฐบาลไทยซึ่งทางการออสเตรเลียก็เข้าใจดีว่ารัฐบาลไทยต้องรักษาความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ แต่ทางการออสเตรเลียก็ยืนยันว่าจะกดดันให้มีการปล่อยตัวนายฮาคีม ต่อไป ซึ่งรัฐบาลไทยควรรับฟัง

เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย เผย “ฮาคีม” ลี้ภัย 4 ปี “บาห์เรน” ไม่เคยแจ้งต้องการตัว แต่กลับให้จับตอนมาไทย ทำไทยตกที่นั่งลำบาก ย้ำต้องการให้กลับออสเตรเลีย หวังจะได้ไปหาครอบครัวในเร็ววัน

อดีตกัปตันทีมชาติออสเตรเลีย-FiFPro ระบุ วงการฟุตบอลรับไม่ได้!

ขณะที่นายเคร็ก ฟอสเตอร์ อดีตนักฟุตบอลกัปตันทีมชาติออสเตรเลีย และนายฟราสซิส อวาริทิฟี่ ตัวแทนองค์การนักฟุตบอลระหว่างประเทศ หรือ FiFPro ระบุว่า ในแวดวงนักกีฬาฟุตบอลทั่วโลกต่างออกมาช่วยกันเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายฮาคีมเป็นอิสระ ซึ่งขณะนี้ทาง FiFPro และ FIFA กำลังหารือถึงแนวทางที่จะกดดันรัฐบาลไทย

โดยหากรัฐบาลไทยส่งตัวนายฮาคีมให้ทางการบาห์เรน ฟีฟ่าก็อาจมีมาตรการเป็นลำดับขั้น เช่น ไม่อนุญาตให้ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลในแมตช์ระหว่างประเทศ เนื่องจากเราไม่สามารถรับรองความปลอดภัยให้กับนักเตะต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศไทยได้ และส่วนตัวรู้สึกผิดหวังและเสียใจกับท่าทีของรัฐบาลไทยเป็นอย่างมากที่นิ่งเฉยกับกรณีนี้

อธิบดีอัยการต่างประเทศ ระบุ ศาลให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

สำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น. รายงานว่า นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยว่า กรณีอัยการสูงสุดยื่นศาลขอส่งตัวนายฮาคีม อัล โอไรบี ส่วนตัวเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับทั้งสองฝ่ายในการรวบรวมพยานหลักฐานมาต่อสู้คดี

ส่วนกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่านายฮาคีม ไม่มีหมายจับขององค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือตำรวจสากล(อินเตอร์โพล)แล้ว ในส่วนนี้นายชัชชม ระบุว่า ก่อนหน้านี้นายฮาคีม มีหมายจับของอินเตอร์โพลจริง เมื่อนายฮาคีม เดินทางมายังประเทศไทย ตำรวจจึงต้องปฏิบัติหน้าที่คือควบคุมตัวนายฮาคีมไว้ เนื่องจากมีหมายจับของตำรวจสากล

ขณะที่บาห์เรนได้ยื่นหนังสือของส่งตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนด้วย จากนั้นจึงนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต่อมาตำรวจสากลได้มีการยกเลิกหมายจับในภายหลัง แต่คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลแล้ว ซึ่งตามขั้นตอนทั้งสองฝ่ายก็สามารถนำพยานหลักฐานมาเสนอต่อศาลได้

ทั้งนี้ นายชัชชม ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่มีการให้ร้ายนายฮาคีมแต่อย่างใด ยืนยันว่าทุกขั้นตอนต้องดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบเนื่องจากทุกสายตาจากทั่วโลกต่างจับจ้องเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งนี้ ศาลจะพิจารณาและนัดตรวจพยานหลักฐานครั้งแรกในวันที่ 22 เมษายน 2562

ที่ปรึกษาบิ๊กป้อม ด่าแรง ประชาธิปไตยแบบขี้ข้าฉุดชาติย่อยยับ

ขณะที่นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีของนายฮาคีม ระบุว่า

“เรื่องนายฮากิมชาวบาห์เรน ที่อยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและมีต่างชาติตลอดจนพวก NGO ที่เป็นลูกน้องต่างชาติกำลังกดดันศาลอย่างหนักถึงขั้นข่มขู่ว่าจะไม่เดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย

เพื่อไม่ให้ส่งตัวไปยังประเทศบาห์เรนนั้น เป็นเรื่องที่คนไทยทั้งประเทศต้องเข้าใจให้ดีว่า

1.เรื่องนี้อยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลที่ทุกประเทศ ทุกคนพึงให้ความเคารพ ต้องไม่กดดันแทรกแซงโดยเด็ดขาด

2.ประชาธิปไตยแบบส่งออก แบบเส็งเคร็ง แบบขี้ข้า มีแต่จะทำให้ชาติย่อยยับ ตัวอย่างของประเทศซีเรีย อิรักเยเมน ลิเบีย เวเนซูเอร่า ที่ประเทศเหล่านั้นถูกแทรกแซงทำลายจนยับเยิน เป็นเรื่องที่คนไทยต้องร่วมมือกันด้วยความสามัคคีเพื่อไม่ให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา

3.คนมีอำนาจหน้าที่ต้องตื่นตัวได้แล้วว่า หากประเทศไทยไม่สามารถสร้างสมดุล ในความสัมพันธ์ต่างประเทศ หรือประพฤติตนเป็นขี้ข้าชาติอื่น ในที่สุดก็จะเผชิญกับชะตากรรมที่น่าอนาถนัก

ตื่นเถิดพี่น้องไทยทั้งหลาย

จงสามัคคีกันดำรงความสงบสุขเรียบร้อยไว้ในบ้านเมืองของเราให้จงได้”