คุก 1 เดือน หนุ่มขี่ จยย.ขึ้นฟุตปาธ ชน นร.หญิงเจ็บ

คุก 1 เดือน หนุ่มขี่ จยย.ขึ้นฟุตปาธ ชน นร.หญิงเจ็บ


ศาลสั่งจำคุก 1 เดือน หนุ่มแมสเซนเจอร์ ขี่รถบนฟุตปาธชนนักเรียนหญิงเจ็บ โดยไม่รอลงอาญา ชี้พฤติการณ์ร้ายแรง เจ้าตัวยื่นประกัน ลุ้นอุทธรณ์ต่อ

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 23 ม.ค. ที่ศาลแขวงพระนครเหนือ ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่นายภูวดล ศรีสำโรง อายุ 23 ปีเศษ อาชีพรับ-ส่งเอกสาร ขี่รถจักรยานยนต์ชนเด็กนักเรียนหญิง โรงเรียนบดินทรเดชา 3 บนทางเท้าได้รับบาดเจ็บ เป็นจำเลยในความผิดฐานผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายและจิตใจ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390

ภายหลังเกิดเหตุจำเลยกับผู้เสียหายได้ตกลงชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ซึ่งอัยการยังระบุด้วยว่า การขี่รถ จยย. ของจำเลยเป็นการรบกวนความสงบสุข ความปลอดภัยของคนเดินเท้า และการกระทำผิดดังกล่าวเป็นภัยอันตรายแก่บุคคลและทรัพย์สินของผู้อื่น เพื่อเป็นการป้องกันและปราบปรามผู้กระทำผิดและเพื่อคุ้มครองสังคมและสุจริตชน ขอให้ศาลลงโทษจำเลยสถานหนักด้วย

โดย “จำเลย” ให้การรับสารภาพ และกำหนดฟังคำพิพากษาวันที่ 24 ม.ค.62 ซึ่ง “นายภูวดล” ได้รับการปล่อยชั่วคราวไปโดยไม่มีหลักประกัน ก็เดินทางมาฟังคำพิพากษาตามนัดของศาล

ศาลพิพากษาว่า “จำเลย” มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 390, พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ มาตรา 43 (4) (7) (8), 157, 160 วรรคสาม

ให้จำคุก 2 เดือน โดยจำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษจึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 1 เดือน แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงให้เปลี่ยนโทษจำคุกเป็นโทษกักขังเป็นเวลา 1 เดือน (กักขังในสถานที่กักขัง ซึ่งไม่ใช่เรือนจำ)

โดยเมื่อ ศาลพิเคราะห์รายงานสืบเสาะและพินิจจำเลยแล้ว เห็นว่า “ทางเท้า” ตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 4 (11) คือพื้นที่ ที่ทำไว้สำหรับให้คนเดิน ซึ่งอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้งสองข้างของทาง หรือส่วนที่อยู่ชิดขอบทาง ใช้เป็นที่สำหรับคนเดิน โดยกฎหมายดังกล่าวห้ามขับรถบริเวณทางเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร โดยให้คำนึงถึงความปลอดภัยของคนเดินเท้า ซึ่งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การจราจรบนท้องถนนในเขต กทม. ทุกเขตมีความหนาแน่นติดขัดต้องใช้เวลาในการเดินทาง

ดังนั้นการที่ “จำเลย” ขับรถจักรยานยนต์ด้วยความเร็วบนทางเท้าเพื่อหลีกเลี่ยงการจราจรที่ติดขัด เป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของจำเลยแต่ฝ่ายเดียว โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยและความเดือดร้อนของผู้ใช้ทางเท้า จนเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนผู้เสียหายซึ่งเดินบนทางเท้าได้รับอันตรายแก่กาย

อันเป็นการจงใจฝ่าฝืนกฎหมายที่มีไว้คุ้มครองผู้ใช้ทางเท้า และยังเป็นการขาดจิตสำนึกต่อสังคมส่วนรวม อีกทั้งจำเลยเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันกับคดีนี้มาก่อน แต่ไม่ถูกจับดำเนินคดีอาญาพฤติการณ์แห่งคดี จึงเป็นเรื่องร้ายแรง

ซึ่งแม้ “จำเลย” จะมีภาระต้องเลี้ยงดูแลครอบครัว และบริษัทประกันภัยรถจักรยานยนต์คันที่จำเลยขี่ ได้ชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้ผู้เสียหาย และจำเลยกล่าวคำขอโทษผู้เสียหายกับบิดาของผู้เสียหายแล้ว พร้อมแสดงความรับผิดชอบจนเป็นที่พอใจของผู้เสียหายกับบิดาโดยไม่ประสงค์เรียกค่าเสียหายจากจำเลยอีกก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีเหตุสมควรที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลย

ส่วนรถจักรยานยนต์ของกลางนั้น ถือเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำความผิดโดยตรง ศาลจึงมีคำสั่งให้ริบไว้ด้วยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 (1)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลมีคำพิพากษาแล้วนายภูวดล จำเลย ก็ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยชั่วคราว ระหว่างจะอุทธรณ์คดีนี้ ซึ่งขณะนี้คำร้องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

โดยศาลพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เเล้วอนุญาตปล่อยชั่วคราวนายภูวดล จำเลย ระหว่างจะอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 18,000 บาท ซึ่งจำเลยได้นำเงินสดมาวางเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว