“สัญญาใจ” 3 ปี เห็นผลงานชัดแน่นอน

“สัญญาใจ” 3 ปี เห็นผลงานชัดแน่นอน


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2561 ว่า สุภาษิตโบราณกล่าวว่า “จิ้งจกทัก” เรายังต้องฟัง เพราะฉะนั้นทุกเสียง ทุกความเห็น โดยเฉพาะจากพี่น้องประชาชน “เจ้าของประเทศ” ตน-รัฐบาล-และ คสช.ได้ยินและได้นำมาสู่กระบวนการแก้ไขอยู่ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา เพราะเป้าหมายของเรา คือ “การคืนความสุขให้กับคนในชาติ” ซึ่งแน่นอน ว่าเราไม่ได้ตีความ “ความสุข” แต่เพียงตัวเลขทางเศรษฐกิจ ที่เป็นข้อมูลเชิงประจักษ์ ใช้อ้างอิงในวงวิชาการ วงการธุรกิจ หรือเป็นเครื่องมือประกอบการตัดสินใจต่างๆ แต่รัฐบาลมองและให้ความสำคัญในเรื่องอื่น ๆ ที่กว้างกว่านั้น ทั้งเรื่องปากท้อง – ความเหลื่อมล้ำ – ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน – ปัญหาทุจริต – การขาดโครงสร้างพื้นฐานที่ดีพอ

รวมไปถึงความแตกแยกอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นต้น  ดังนั้น เสียงสะท้อนจากโพล หรือ “เสียงบ่นในใจ” ก็ขอให้ถ่ายทอดมาเถิด ผ่านสายด่วนต่างๆ ตามที่ตนได้เคยบอกไปแล้วหลายครั้ง ทั้ง 1111 และศูนย์ดำรงธรรม 1567 รวมทั้ง “สายด่วนไทยนิยม”  ซึ่งตนก็ดีใจ ที่วันนี้หลายเรื่องหลายราว ซึ่งเป็นความทุกข์ใจได้รับการแก้ไขแล้ว แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ก็ไม่ถูกมองข้าม แต่เรื่องยากๆ ซับซ้อน ก็ต้องขอเวลา ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทำงาน ได้มีเวลาพิจารณาหามาตรการที่เหมาะสม หลายเรื่องซุกอยู่ใต้พรม คนรู้เบาะแสก็ไม่กล้าเปิดเผย เพราะกลัวภัยจะมาถึงตัว ก็ถูกหยิบขึ้นมาสู่สังคม

ทั้งนี้รัฐบาลนี้ก็เอาจริงเอาจังในบังคับใช้กฎหมาย  อาทิ เรื่องอาหารกลางวันเด็ก “ขนมจีนน้ำปลา” เรื่องเงินสงเคราะห์ผู้ยากไร้-ผู้ประสบภัย เรื่องกองทุนเสมา ไปจนถึงเรื่องเงินทอนวัด แม้กระทั่ง ความเดือดร้อนจากโครงการพัฒนาต่างๆ เช่น ถนนชำรุด เป็นต้น เราก็ได้พยายามแก้ไขมาตามลำดับ ก็ขอให้ทุกคนสามารถแจ้งเข้ามาตามช่องทางที่กล่าวไว้ได้ อย่าทำให้เสียเวลา อย่าโทร. มาโดยที่ไม่มีความจำเป็น มารบกวน มาว่ากล่าวเจ้าหน้าที่ บางที่ก็ไม่ได้ประโยชน์เท่าไร

สำหรับปัญหาเชิงโครงสร้าง หรือการปฏิรูปเรื่องใหญ่ๆ ก็คงต้องอาศัยเวลา ในการ “ผลิดอก ออกผล” การปลูกข้าว – ยาง – อ้อย ยังต้องใช้เวลา ระหว่างรอ..ชาวสวน-ชาวนาก็หาอาชีพเสริมทำ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว  วันนี้เราลงทุนเพื่ออนาคตจำนวนมาก นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนแล้ว ก็ยังเป็นการสร้างโอกาส สร้างสิ่งดีๆ เพื่อวันข้างหน้า อาทิ การเร่งสร้างรถไฟฟ้าเกือบ 10 สายในวันนี้ เพราะที่ผ่านมาเดินหน้าไม่ได้ อาจทำให้รถติด ก็คงต้องอดทน เพื่อความสะดวกสบายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

ด้านการสร้าง EEC ที่จะเริ่มทยอยเห็นผล จะมีการจ้างงานหลายหมื่นอัตราในหลายสาขา จะมีการใช้วัตถุดิบในประเทศ กว่า 5 หมื่นล้านบาทต่อปี จะมีการส่งออกสร้างรายได้เข้าประเทศ กว่า 7 หมื่นล้านบาทต่อปี เป็นต้น ทุกคนที่เป็นคนไทย จะได้รับอานิสงส์ได้รับโอกาสร่วมกัน ซึ่งเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องมีความจำเป็น ในการที่จะต้องมีปรับตัว-พัฒนาตนเองไปด้วย แล้วหาช่องทางมีส่วนร่วม  ทั้งนี้แรงงานและวัตถุดิบก็ไม่ได้มาจากไหน ก็จากท้องถิ่นและทั่วประเทศ ผู้ผลิตรายย่อย – SME -Start up ก็ต้องเชื่อมโยงผู้ประกอบการรายใหญ่ในพื้นที่ EEC  กิจกรรมต่างๆ นั้นคงไม่ได้เกิดเพียงใน EEC  แต่จะเชื่อมโยงไปทั่วประเทศ เชื่อมไปยัง CLMV – อาเซียน – และโลก

อย่างไรก็ตามหากลองมองย้อนไป ยุค “โชติช่วงชัชวาล” เมื่อ 30 ปีที่ผ่านมา วันนี้เหมือนเรากำลังกินบุญเก่าอยู่ เมื่อใกล้จะหมดลง ประเทศเราก็จะมี EEC เข้ามาทดแทน วันนี้ตนต้องการทำเพื่อลูก หลาน เพื่อคนรุ่นใหม่ ที่กำลังจะเติบโตขึ้นมา วันนี้แม้อาจจะยังไม่เห็นผล ก็ไม่เป็นไร  แต่อีก 3 ปี ข้างหน้าเป็นต้นไป เมื่อโครงการต่างๆ ทยอยเสร็จสมบูรณ์ ท่านก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่ตนพูดตอนนี้ เป็น “ความจริง” เป็นการสนองตอบ “สัญญาใจ” ที่เรามีไว้ต่อกัน