พรรคการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดอย่างประชาธิปัตย์ ซึ่งอ้างว่าเคยมีจำนวนสมาชิกพรรคมากที่สุดถึง 2,895,954 คน แต่กลับมีการยืนยันความเป็นสมาชิก พร้อมกับแสดงหลักฐานการมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามพระราชบัญญัติพรรคการเมือง รวมทั้งชำระค่าบำรุงพรรคแบบรายปีคนละ 100 บาท หรือแบบตลอดชีพคนละ 2,000 บาท คิดเป็นจำนวนเพียงแค่ 80,000 คน หรือประมาณร้อยละ 3 ของจำนวนสมาชิกพรรคที่เคยอ้างถึงเท่านั้น
พรรคระดับไซซ์เอ็กซ์แอล ซึ่งล้มลุกคลุกคลานบนเวทีการเมืองมาหลายตลบ ถึงขั้นเปลี่ยนชื่อไปแล้วหลายรอบจาก”ไทยรักไทย”…”พลังประชาชน” กระทั่งมาถึง”เพื่อไทย” ก็โดนค่ายกลคณิตศาสตร์เล่นตลกไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ เพียงแต่ความ”ขี้เหร่”ไม่รุนแรงเท่าประชาธิปัตย์
รูปธรรมของกลคณิตศาสตร์ที่เล่นตลก แต่คนพรรคเพื่อไทยน่าจะตลกไม่ออกคือตัวเลขการยืนยันความเป็นสมาชิกมีเพียงแค่ประมาณ 10,000 คน จากจำนวนสมาชิกที่อ้างถึง 134,834 คน หรือคิดเป็นเพียงแค่ร้อยละ 8 ของจำนวนสมาชิกที่เคยอ้างถึง
ทำนองเดียวกันพรรครุ่นเก๋าอย่างพรรคชาติไทย ซึ่งเคยต้องมีอันเป็นไปโดนสั่งประหารยุบพรรคเดิม แล้วกลับมาแจ้งเกิดใหม่ในชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา ก็โดนคณิตศาสตร์เล่นกลหน้าย่นหน้ายับยู่ยี่ไม่แพ้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย
จำนวนสมาชิกที่เคยอ้างว่ามีมากถึง 24,710 คน แต่ ณ วันที่ 30 เมษายน 2561 กลับมาการยืนยันความเป็นสมาชิกเพียงแค่ 2,500 คน หรือคิดเป็นอัตราประมาณร้อยละ 10 ของจำนวนสมาชิกที่เคยอ้างถึง
พรรคชาติพัฒนา ของเจ้าสัวสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ก็อีหรอบเดียวกัน มีตัวเลขจำนวนสมาชิกที่เคยอ้างถึงอยู่ที่ 18,163 คน แต่ตัวเลขการยืนยันความเป็นสมาชิกมีเพียง 5,583 คน หรือประมาณร้อยละ 31 ของจำนวนตัวเลขสมาชิกที่เคยอ้างถึง
พรรคภูมิใจไทย ซึ่งมีเนวิน ชิดชอบ และอนุทิน ชาญวีรกูร เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญ และเป็นพรรคที่กำลังมีสง่าราศีเพริดแพร้วผ่องแผ้วเป็นพิเศษ แต่ตัวเลขการยืนยันความเป็นสมาชิก ก็ไม่แคล้วเหลื่อมล้ำต่ำกว่าจำนวนสมาชิกที่เคยอ้างเอาไว้สูงลิบลิ่วถึงกว่า 150,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนตัวเลขที่สูงล้ำข้ามหน้าข้ามตาพรรคเพื่อไทยไปหลายหมื่น
เจ้าสำนักและบุคคลระดับแก่นแกนของพรรคการเมืองหลายต่อหลายคน สลับสับเปลี่ยนกันออกมาสำแดงวิสัยทัศน์วิเคราะห์วิจารณ์หวยคณิตศาสตร์การเมืองเรื่องการยืนยันสมาชิกภาพพรรคการเมืองที่ออกมาแบบตลกฝืด โดยโบ้ยใส่คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 ไปโน่นเลย
ความสมเหตุสมผลที่เซียนการเมืองระดับเจ้าสำนัก และแกนนำพรรคการเมือง พร้อมใจกันยัดเยียดความเป็นจำเลยให้แก่ คำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 โดยระบุว่าคำสั่งฉบับนี้ ทั้งไม่ส่งเสริมสนับสนุน และไม่อำนวยความสะดวกแก่นักการเมืองในการทำกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งหมายความรวมถึงการยืนยันความเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตามบทบัญญัติในพระราชบัญญัติพรรคการเมือง
กรณีเดียวกันนี้ก็มีกลุ่มการเมืองระดับลายครามบางคน ที่ยังคงสงวนสิทธิไม่ยืนยันความเป็นสมาชิกกับพรรคการเมืองเดิม และอุบไต๋ในการเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใหม่ กลับไม่มีความเห็นในลักษณะตำหนิโจมตีคำสั่ง คสช.ที่ 53/2560 แต่ได้ให้เหตุผลประกอบปฏิกิริยา”เกียร์ว่าง”เอาไว้อย่างน่าคิดว่าในยามนี้แต่ละพรรคการเมืองยังไม่มีความชัดเจนในหลายเรื่อง…ไม่รู้ใครจะนำพรรค…ไม่รู้ใครจะมาบริหารพรรค…ไม่รู้ทิศทางนโยบายพรรคจะไปทางไหน ดังนั้นการใส่เกียร์ว่าง จึงน่าจะเหมาะสมที่สุด
อย่างไรก็ดีคณิตศาสตร์การเมืองที่สะท้อนช่องว่างความเหลื่อมล้ำที่ห่างชั้นกันมากระหว่างตัวเลขจำนวนสมาชิกที่อ้างถึง กับตัวเลขจำนวนสมาชิกที่ถูกยืนยันล่าสุด น่าจะเป็นปัจจัยบ่งชี้ตื้นลึกหนาบางในพรรคการเมืองแต่ละพรรคได้ไม่น้อย
ยิ่งพรรคไหนมีความเหลื่อมล้ำของตัวเลขจำนวนสมาชิกที่อ้างถึงกับตัวเลขที่ได้รับการยืนยันมาก ยิ่งบ่งบอกให้ชาวบ้านได้รับรู้ถึง”ความบอบช้ำ”ที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน
ขืนมัวโทษปัจจัยภายนอกสารพัด แต่ละเว้นที่จะส่องกระจกตรวจสอบประเมินข้อบกพร่องตัวเอง และละเลยที่จะทุ่มเทบูรณะฟื้นฟูโดยเร็ว อีกหน่อยพรรคก็คงจะเหลือแค่”ในความทรงจำ”เท่านั้น