เสือดำ ที่ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ตายไปแล้ว โดยที่กลุ่มซึ่งถูกประณามเป็นสัตว์นรก ยังลอยนวล ขณะที่ชาวบ้านจำนวนนับร้อยชีวิต ตลอดจนธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแถวเหมืองทองคำชาตรี ตกอยู่ในสภาพ”เหมือนตายทั้งเป็น”
ความทุกข์ ความหวาดผวาของชาวบ้านแถวเหมืองทองคำชาตรี เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานมาแล้วนับ 10 ปี โดยที่หน่วยราชการที่รับผิดชอบโดยตรงแก้ไขเยียวยาปัญหาแบบถ้อยทีถ้อยอาศัยกับผู้ประกอบการเหมืองทองคำ แทนที่จะบังคับใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดเคร่งครัดเพื่อคุ้มครองชีวิตประชาชน และปกปักรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จากการถูกกระทำชำเลา
ปฏิกิริยาความนอบน้อมของหน่วยราชการ ต่อผู้ประกอบการเหมืองทองคำ เป็นไปอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ แม้โครงสร้างอำนาจทางการเมืองเปลี่ยนจากนักการเมือง มาอยู่ในเขตอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
หัวหน้าคสช. ซึ่งมีสถานะเป็นหัวหน้ารัฐบาลร่วมด้วย ตระหนักดีถึงความทุกข์ของชาวบ้าน และตระหนักดีถึงคุณค่าสิ่งแวดล้อม ได้ออกคำสั่ง คสช.ที่ 72/2559 ในลักษณะ”เซ็ทซีโร่เหมืองทองคำ” เพื่อจัดระเบียบเหมืองทองคำให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ปลอดภัยต่อชีวิตมนุษย์-ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้เหมืองทองคำทุกแห่งทั่วราชอาณาจักร มีอันต้องถูกระงับการประกอบกิจการลงทั้งหมดตามคำสั่งดังกล่าว
น่าสังเกตว่าสาระสำคัญในคำสั่ง คสช.ที่ 72/2559 มิได้จำกัดผลแค่การระงับการประกอบกิจการเหมืองทองคำเท่านั้น แต่ยังกำหนดให้หน่วยราชการหลายแห่งต้องร่วมมือกันจัดการให้เกิดการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมบริเวณเหมืองทองคำให้กลับคืนสู่สภาพเดิม เพื่อคืนความสุขแก่ประชาชน
กว่า 1 ปีผ่านไปแล้ว เหมืองทองคำระงับการประกอบการลงแล้ว แต่การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมให้กลับคืนสู่สภาพเดิม มีความก้าวหน้าไปถึงไหน ?…จะมีใครหน้าไหนกล้ายืดอกรายงานให้หัวหน้า คสช.ได้รับทราบบ้าง ? หากบังเอิญถูกทวงถามขึ้นมา ในเมื่อความจริงคือ ”เกียร์ว่าง…วังเวง”
ไม่ช้าไม่นานก่อนหน้านี้กลุ่มทุนข้ามชาติผู้บงการเหมืองทองคำชาตรี ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวบ้าน ได้ลุกขึ้นดับเครื่องชนรัฐบาลไทย ด้วยการกล่าวโทษรัฐบาลไทย ต่อคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ พร้อมกับเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายเป็นเงินเฉียด 4 หมื่นล้านบาท โดยระบุว่ากรณีรัฐบาลไทยสั่งระงับการประกอบกิจการเหมืองทองคำ ทั้งที่ยังไม่หมดอายุประทานบัตร ถือเป็นการกระทำที่ขัดกับหลักการตามข้อตกลงว่าด้วยการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย
กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ (กพร.) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรงมีท่าทีสงบนิ่งต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เปิดทางให้แนวร่วมทุนข้ามชาติโจมตีรัฐบาลไทยผ่านสื่อ กระทั่งเกิดเป็นกระแสสังคมทางลบกรรโชกใส่รัฐบาลและ คสช. ทำนองว่ารัฐบาลและ คสช.กระทำการอย่างขาดสติ จนอาจเป็นเหตุให้ประเทศชาติต้องเสียค่าโง่หลายหมื่นล้านบาท
ถึงกระนั้นท่าทีของ กพร. ยังคงตั้งมั่นในความสงบ ไม่มีคำชี้แจงอธิบายให้สาธารณชนเกิดวามเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งๆที่บาดแผลที่เหมืองทองคำชาตรี โดยกลุ่มทุนข้ามชาติออสเตรเลียกระทำต่อแผ่นดินไทยและคนไทย มีอยู่ไม่น้อย โดยพิสูจน์ยืนยันได้จากคดีความในศาล และการถูกลงโทษลงทัณฑ์ทั้งปรับและระงับการประกอบการมากมายหลายครั้ง
ล่าสุดสดๆร้อนๆ กพร.มีหนังสือด่วนที่สุด ที่อก.0507/ว 850 ลงวันที่ 22 ก.พ.2561 เรื่องเชิญประชุมคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาข้อขัดแย้งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพจากการทำเหมืองแร่ทองคำ ของบริษัท อัครารีซอร์สเซส จำกัด(มหาชน) โดยสาระสำคัญในหนังสือดังกล่าวคือแจ้งกำหนดนัดหมายประชุมพิจารณารับรองผลการตรวจสอบฯ วันที่ 28 ก.พ.เวลา 09.00 น.ที่ กพร.
เมื่อถึงเวลานัดหมายสื่อมวลชนที่ทราบข่าว และเกาะติดผลการตรวจสอบมานานเป็นแรมปีก็ไปเฝ้ารอ โดยหวังจะได้รับทราบผลการตรวจสอบที่รอคอยกันมานาน แต่กลับถูกบ่ายเบี่ยงจากผู้แทนฝ่ายรัฐบาล คือ กพร.และผู้แทนฝ่ายผู้ประกอบการ คือกลุ่มทุนข้ามชาติ ขณะที่ผู้แทนฝ่ายประชาสังคม…ภาคประชาชน รวมทั้งนักวิชาการที่ได้รับความไว้วางใจให้ดำเนินการตรวจสอบต้องการให้เปิดเผยผลการตรวจสอบต่อสาธารณะโดยทันที
ไม่เพียงเท่านั้นฝ่ายผู้ประกอบการเหมืองทองคำ ยังฉกฉวยโอกาสชิงลงมือเผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์ในลักษณะ”เอาดีใส่ตัว” อวดอ้างความเป็นผู้ประกอบการที่ดี มีความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งยังให้ความเคารพต่อกฎหมายไทย
เนื้อหาในข่าวประชาสัมพันธ์อวดสรรพคุณความดีสารพัดของเหมืองทองคำ คงตั้งอยู่บนข้อสมมุติฐาน”คนไทยโง่..คนไทยปัญญาอ่อน”…”คนไทยหูหนวกตาบอด” ซึ่งเป็นข้อสมมุติฐานที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนอย่างรุนแรง
คนไทยจำนวนมากมายก่ายกองต่างซาบซึ้งดีว่าเหมืองทองคำชาตรีมีที่มาอย่างไร…ก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้กับคนไทย และสิ่งแวดล้อมไทยสาหัสสากรรจ์ขนาดไหน โดยมีหลักฐานยืนยันจากทั้งศาลปกครอง…สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม…ศูนย์ความเป็นเลิศด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมและพิษวิทยา มหาวิทยาลัยมหิดล
น่าดีใจที่ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาเหนือ กพร. ไม่ปล่อยให้ฝ่ายเหมืองทองคำปล่อยข่าวอวดอ้างสรรพคุณความดีข้างเดียว และได้เผยแพร่คำแถลงออกมายืนยันผลการตรวจสอบกรณีบ่อเก็บกากแก่ที่ 1 ของเหมืองทองคำชาตรี โดยระบุว่า”รั่ว” และปล่อยสารพิษปนเปื้อนสู่สิ่งแวดล้อม โดยไม่ยอมเดินตามกลอุบายของกลุ่มผลประโยชน์อีกต่อไป
เสือดำปลุกสังคมให้ตื่นจากการถูกครอบงำของกลุ่มอิทธิพลเงินตราฉันใด..พิษภัยจากเหมืองทองคำ ก็น่าจะกำลังปลุกให้เกิดการปลดแอกครั้งใหญ่ขึ้นใน กพร. หลังจากถูกครอบงำมานานเต็มที
……………………………………………………………..
*นินจา อนัตตา