ปัญหาเกี่ยวกับ การทำประมงผิดกฎหมาย ที่เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศ มาพร้อมๆ กับการเข้ามาของรัฐบาลนี้ และเป็นปัญหาต่อเนื่องมาหลายปี ที่ทำให้ สหภาพยุโรป และหลายประเทศ แบนสินค้าประมงจากไทย ที่นอกจากจะสร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมอาหารทะเลตลอดจนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องแล้ว ยังมีผลสะท้อนไปถึงภาพลักษณ์ของประเทศ เพราะมีเรื่องของการ “ค้ามนุษย์” เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง
ที่ผ่านมารัฐบาลนี้ก็ให้ความสำคัญและเน้นย้ำนโยบายในการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังมาโดยตลอดสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งเดินทางมาถึงปลายทาง ที่ไทยจะเป็นประเทศที่หลุดออกจาก IUU กลับไปสู่ความรุ่งโรจน์ของความเป็นประเทศชั้นนำในเรื่องของอุตสาหกรรมอาหารทะเลและประมงได้อีกครั้ง
ที่แน่ๆ รายได้กว่า 2 แสนล้านบาทต่อปี ก็จะกลับเข้ามา แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย !
เรื่องแบบนี้ แม้แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและพยายามหาทางโจมตีรัฐบาลมาโดยตลอดก็คงต้องยอมรับความจริง ปัญหา IUU ถูกแก้ไขได้โดยมีรัฐบาลนี้เป็นกุญแจสำคัญ
ที่ใช้คำว่า “รัฐบาลเป็นกุญแจสำคัญ” เพราะจริงๆ แล้ว การแก้ไขปัญหา IUU ที่เรื้อรังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของประเทศมายาวนาน เป็นเรื่องจริงที่ไม่ได้แก้โดยรัฐบาลนี้เพียงลำพัง แต่แก้ไขได้ด้วยนโยบายของรัฐบาลผ่านกลไกความร่วมมือของทุกฝ่าย
จนมาถึงวันนี้ที่เรียกได้ว่า ปัญหา IUU จากหนทางอันแสนไกลก็มาถึงปลายทางเห็นผลจับต้องได้แบบหายเหนื่อย เพราะการแก้ไขปัญหาจากอดีตที่สั่งสมมานานไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังต้องวางรากฐานไปที่อนาคต ถ้าทุกคนทุกฝ่ายไม่ช่วยกันการแก้ไขปัญหานี้ให้สำเร็จลุล่วงคงเกิดขึ้นได้ยากในรัฐบาลนี้
ยืนยันได้จาก การให้สัมภาษณ์ผ่าน THAIQUOTE ของ “ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปิดเผยว่า “จากการเดินทางไกลในการแก้ไขปัญหา IUU วันนี้จากที่ได้พูดคุยกับหลายฝ่ายสถานการณ์ดีขึ้นตามลำดับ และการเดินทางลงพื้นที่การประชุมครม.นอกสถานที่ในครั้งนี้ ก็ได้เห็นภาพความร่วมมืออย่างจริงของทุกฝ่ายในเรื่องนี้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อไปในอนาคต”
ฉะนั้นเรื่องปัญหาของ IUU ที่กำลังจะจบลง และถึงเวลาเดินหน้าอุตสาหกรรมอาหารทะเล อุตสาหกรรมประมงไทย ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ต้องยกเครดิตให้กับคนไทยทุกคน
แต่ที่แน่ที่เน้นๆ คือ “รัฐบาลชุดนี้” ที่ไม่ว่าจะถูกมองถูกบิดเบือนในเชิงลบเรื่องไหนๆ เอาเป็นว่า กับเรื่องการแก้ไขปัญหา IUU นี่ ต้องถือว่า นี่เป็นผลงานชั้นเยี่ยมจริงๆ
เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของการแก้ไขปัญหา แต่ยังวางรากฐานเดินหน้าสู่อนาคตไปด้วยในตัว โดยเฉพาะเรื่องของการจัดการปัญหาแรงงานต่างด้าว ที่มาสำคัญของข้อหาการค้ามนุษย์ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ ระดมทุกทรัพยากรรวมถึงเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามามีส่วนในการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ และในอนาคตจะสามารถใช้ฐานข้อมูลนี้ร่วมกันได้ในหลายๆ หน่วยงาน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆ ที่แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาลนี้ในการแก้ไขปัญหา และพลิกจากปัญหาเรื้อรังเพื่อเดินหน้าสู่อนาคต
IUU ที่ดูเป็นเรื่องยากในการแก้ไขปัญหา เวลานี้กำลังจะกลายเป็นเพียงอดีต คราวนี้ก็คงต้องมาว่ากันต่อเรื่องของอนาคต ที่ไทยจะได้กลับมาผงาดอีกครั้งในยุทธจักรอุตฯประมง
ที่รัฐบาลเองก็วางแผนรองรับเอาไว้แล้วตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการ ส่งเสริมศักยภาพหลักเพื่อพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านอาหารทะเล (Hub of Seafood) โดยเฉพาะ จ.สมุทรสาครนั้น เป็นแหล่งการค้าและกระจายสินค้าอาหารทะเลและประมงทั้งในประเทศและส่งออกไปต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ซึ่งเรื่องนี้ เปิดเผยโดยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้วยการเตรียมสร้างตลาดสินค้าประมงขนาดใหญ่ เน้นให้เป็นศูนย์กลางภูมิภาคและรับกับการท่องเที่ยว ในบริเวณตลาดทะเลไทย จังหวัดสมุทรสาคร ที่จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ และสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ
เมื่อแก้ไขปัญหา IUU ได้เสร็จสรรพจนถึงฝั่ง ยังไม่ทันพักให้หายเหนื่อย รัฐบาลนี้ก็เดินหน้าสานต่อเพื่ออนาคตกันแบบทันที เรื่องไหนใครๆ จะว่าก็ว่าไป แต่เรื่องปัญหา IUU และอุตสาหกรรมประมงไทย เรื่องนี้คงต้องยกให้แล้วปรบมือดังๆ ให้กับรัฐบาลชุดนี้ทั้งคณะ