ทั้งนี้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปีถือเป็น“วันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล” ซึ่งรัฐบาลและ คสช. ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการทุจริต ให้เป็นวาระเร่งด่วนและวาระแห่งชาติ โดยได้มีการดำเนินการที่สำคัญๆ อาทิ
- ตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) รวมทั้งมีศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เพื่อสนับสนุนภารกิจการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ให้มีประสิทธิภาพประสิทธิผลมากขึ้น
- ตั้งคณะกรรมการพิจารณางบประมาณบูรณาการด้านการป้องกันปราบปรามการทุจริต ทำให้หน่วยงานภาครัฐต้องขับเคลื่อนงานและใช้งบประมาณด้านนี้อย่างไม่ซ้ำซ้อน
- การสร้างกลไกศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต ระดับกระทรวงและระดับจังหวัดทุกจังหวัด จะต้องปฏิบัติงานร่วมกับ ป.ป.ช. ในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
- ให้หน่วยงานภาครัฐ “ทุกหน่วย” ต้องเข้าร่วมการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใส (ITA) เพื่อให้เกิดการสร้างวัฒนธรรมการทำงานอย่างมีคุณธรรมและความโปร่งใส
และ 5. จัดสรรอัตรากำลังให้ ป.ป.ช. เพิ่มเติม โดยบรรจุเป็นผู้ช่วยพนักงานไต่สวน 462 อัตรา เจ้าพนักงานตรวจสอบทรัพย์สิน 119 อัตรา ซึ่งส่งผลดีต่องานปราบปรามของ ป.ป.ช คือ สามารถจะทำคดีได้รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อย่างเห็นได้ชัด ตามตัวเลขทางสถิติ ดังนี้ (1) คดีที่ ป.ป.ช. ดำเนินการแล้วเสร็จ ในปีงบประมาณ 2559 จำนวนเกือบ 3,000 คดี โดยเพิ่มเป็น 4,300 กว่าคดีในปี 2560 นี้ และ (2) ทรัพย์สินที่ ป.ป.ช. ชี้มูล – ร้องต่อศาลให้ริบทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ในปีงบประมาณ 2559 มูลค่ามากกว่า180 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็น 853 ล้านบาท ในปีงบประมาณนี้ ที่กล่าวมาก็เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ยังมีการดำเนินการอื่นๆ และคดีความต่างๆ อีกมาก ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากผลการสำรวจของมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกี่ยวกับดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทย (Corruption Situation Index :CSI) เดือนมิถุนายนปีนี้ สะท้อนให้เห็นผลจากความพยายามของรัฐบาล – คสช. – ป.ป.ช. และองค์กรอิสระต่างๆ ในการต่อสู้กับปัญหาการทุจริต ที่ให้ความสำคัญกับการปลูกจิตสำนึก“ไม่ยอมรับ – ไม่นิ่งเฉย” ต่อการฉ้อราษฎร์บังหลวง จนประชาชนมีความตื่นตัวในเรื่องนี้สูงขึ้น รวมทั้งอยากมีส่วนร่วมในการป้องกันการทุจริตสูงขึ้นอีกด้วย โดยพบว่าคนไทยร้อยละ 86 ต้องการและยินดีเข้ามามีส่วนในการป้องกันการทุจริต ซึ่งในปีนี้ การรณรงค์จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล ภายใต้แนวคิด Zero Tolerance คนไทยไม่ทนต่อการทุจริต ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องลุกขึ้นทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของตนเองและประเทศชาติ โดยไม่ทนต่อการทุจริต และมีจิตสำนึกที่ถูกต้อง เคารพในกฎหมาย ต้องเข้าใจด้วยเรื่องของกฎหมาย ยึดมั่นในคุณธรรม จริยธรรม และความพอเพียง อย่าใช้ความรู้สึกในการตัดสินคน พร้อมแสดงบทบาท พลเมืองดีในการตรวจสอบและเฝ้าระวังการทุจริต เพื่อให้ประเทศไทยโปร่งใสและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ต้องช่วยกัน