“ เชื่อว่าคนไทยมีหูมีตา รู้ข้อมูล เห็นผลงานการบริหารงานของรัฐบาลตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี”
ฉะนั้นจะถือว่า “ปาฐกถา” นี้ เป็นอีกจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจของประเทศเลยก็ว่าได้ !! สรุปใจความสั้นๆ ง่ายๆ กับ ปาฐกถาในครั้งนี้ของรองนายกรัฐมนตรี ที่ยอมรับกับทุกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับการดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจ แต่ขอให้นึกกลับไปเปรียบเทียบถึงเหตุการณ์และตัวเลขสำคัญทางเศรษฐกิจต่างๆ ในช่วงเวลา 3 ปีก่อนหน้านี้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แน่นอนว่า เฉพาะตรงนี้ ถือว่า “เห็นภาพชัดเจน” ตัวเลขที่ “ดร.สมคิด” หยิบยกเอามาให้เห็นแบบคร่าวๆ คือการเติบโตของจีดีพีจาก 0.8% ไต่ระดับมา เป็น 3.2% ถึง 3.7% และกำลังจะไต่ระดับทะลุ 4% ในอนาคตข้างหน้า ทั้งหมดนี้ “ไม่ใช่เรื่องฟลุ๊ค” ตามคำกล่าวของ “ดร.สมคิด” เป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่พิจารณาได้จากภาพที่เห็น วัดกันจากเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว! ถัดมากับเรื่องที่ไปว่ากันสำหรับนโยบายในอนาคต “รองนายกฯ” เริ่มต้นที่ “อินเตอร์เน็ต” ซึ่งเน้นย้ำว่าสิ้นปีนี้ต้องมีความชัดเจน และปีหน้าควรจะต้องมีทุกหมู่บ้าน และใช่แต่ว่ามีแต่ต้องต่อยอดให้ได้ด้วย จากอินเตอร์เน็ต ก็ก้าวเข้าไปสู่ อีคอมเมิร์ซ และเรื่องของการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งแน่นอนว่า นี่เป็นหนึ่งในผลงานที่จับต้องได้เป็นรูปธรรมของรัฐบาล และทีมเศรษฐกิจ กับคำว่า “STARTUP และ 4.0” ที่คนไทยได้รู้จักก็ในยุคของรัฐบาล ของทีมเศรษฐกิจชุดนี้ จากอินเตอร์เน็ต สู่ เอสเอ็มอี “ดร.สมคิด” ยังเน้นย้ำแผนของการสร้างฐานการเข้าถึงสินเชื่อ ที่ให้ธนาคารของรัฐเข้าไปมีบทบาท ในการเดินหน้ากระจายสินเชื่อเข้าสู่ชุมชน และท้องถิ่น สร้างให้คนตัวเล็กได้มีโอกาสเข้าถึงสินเชื่อ และสร้างฐานการแปรรูปพัฒนาต่อยอดธุรกิจในด้านต่างๆ วางเป้าลงไปที่ SME Bank และ ธ.ออมสิน ตรงๆ ให้เป็น “Local Bank” สร้างฐานสินเชื่อในระดับฐานราก ! พร้อมๆ กับ โปรเจ็กต์ใหญ่ ที่ “รองนายกฯ” แง้มออกมาให้เห็น ที่จะเป็นความร่วมมือระหว่างก.อุตฯ ภาครัฐ สถาบันการเงิน และภาคเอกชน ที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนในปีหน้า เพื่อให้รองรับกับธุรกิจที่จะเติบโตขึ้น ผ่านมาจาก เรื่องของ E-payment และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่เห็นผลชัดเจน ด้วยตัวเลขกว่า 10 ล้านใบ จากจำนวนผู้ลงทะเบียนกว่า 11 ล้านคน และการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีจำนวนมาศาล เป็นพลังขับเคลื่อนให้เกิดวงจรหมุนเวียนในระดับล่าง หนุนนำต่อเนื่องกับการสร้างรากฐานในระดับกลางอย่างธุรกิจเอสเอ็มอี และฐานแห่งการต่อยอดไปสู่การขับเคลื่อนของเศรษฐกิจในแนวปิรามิด นอกจากนี้ “ดร.สมคิด” ยังกระตุกให้ กระทรวงพาณิชย์ ขยับ “ไทยเทรด” ให้สามารถต่อยอดกับทุกโครงการที่กล่าวมาแล้ว ให้เป็น “คลัสเตอร์ขนาดใหญ่” รับกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่จะเป็นการเดินหน้านโยบายในปีหน้า จับใจความร้อยมาเป็นเรื่องเดียวกัน จะเห็นภาพขนาดใหญ่ของวงจรเศรษฐกิจขนาดมหึมาของประเทศ เดินหน้าไปด้วยกันแบบคล้องแขน สุดท้ายว่าด้วย นโยบายทางเศรษฐกิจที่จะไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าการเมืองจะมีทิศทางเป็นเช่นใด จะปรับคณะรัฐมนตรีหรือไม่อย่างไร ก็มั่นใจได้ว่า แนวทางเศรษฐกิจจากปาฐกถาเปิดใจของ “ดร.สมคิด รองนายกฯ” ในครั้งก็จะยังคงเป็นไปเช่นนี้เหมือนเดิม รุกเร้า ย้ำกันชัดๆ เลยว่า “ทั้งหมดนี้ มาถูกทางแล้ว” แต่จะจริงหรือไม่? “รองนายกฯ” กล่าวไว้ตอนหนึ่งว่า “เชื่อว่าคนไทยมีหูมีตารู้ข้อมูล เห็นผลงานการบริหารงานของรัฐบาลตลอด 3 ปีที่ผ่านมาเป็นอย่างดี” ประโยคสุดท้ายนี่แหละทีเด็ด! ไม่ต้องเสียเวลาตอบโต้กับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้เสียอารมณ์ แถมด้วยการชวนให้นักวิจารณ์ทั้งหลาย หันหน้ามาหากัน เอาเวลาเอาความเก่งมาเดินหน้า มาร่วม “ขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีหน้า ช่วงเวลาสำคัญแห่งการเปลี่ยนผ่านของประเทศดีกว่า”