อภินิหาร โครงการ 9101

อภินิหาร โครงการ 9101


ประการแรกคือ หยุดความแตกแยกแบ่งฝักฝ่าย แล้วสถาปนาความสามัคคีปรองดองขึ้นแทนที่ ประการที่สองคือ หยุดการฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชั่นทำประเทศไทยให้ใสสะอาด ปราศจากการคอร์รัปชั่น ประการที่สามคือ ฉุดประเทศไทยให้พ้นจาก “หลุมดำ” นำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้า ด้วยการปฏิรูปยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่ 3 ปีผ่านไปเข้าสู่ปีที่ 4 ปฏิกิริยามหาชนต่อผลงานคสช. และรัฐบาลยุคคสช.มีข้อสงสัยผุดโผล่ขึ้นยุ่บยั่บ และยิ่งทอดเวลานานออกไปข้อสงสัย มีแนวโน้มที่จะชุกชุมมากขึ้น และหนาแน่นยิ่งขึ้น จนป่านฉะนี้ผ่านไปแล้ว 3 ปีเจตนารมณ์ที่ถูกคสช.ชูขึ้นเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมในการทำรัฐประหาร ทั้ง 3 ประการดูจะมีความก้าวหน้าไปแค่ไม่กี่คืบ..ไม่กี่ศอก ประเด็นความก้าวหน้าที่อาจจะพูดได้เต็มปากเต็มคำ ล้วนกระจุกอยู่แค่ประเด็นเดียวคือการปั้นกฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์ สำหรับใช้เป็นกรอบกติกานำพาบ้านเมืองไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น ต้องไม่ลืมว่าบรรดากฎหมาย ระเบียบ หลักเกณฑ์สารพัดจะเสกสรรบันดาลให้หรูเริ่ดดูดีขนาดไหนก็ทำได้ไม่ยาก ขอแค่ระดมคณะบุคคลที่มีทักษะความชำนาญในการประดิษฐ์ถ้อยร้อยข้อความมารับผิดชอบเท่านั้น ความยากอยู่ตรงที่การลงมือทำให้เห็นผลในทางปฏิบัติตามที่กล่าวอ้างเอาไว้ ซึ่งยังงมหาไม่ค่อยจะเจอ ซ้ำร้ายผลงานเชิงประจักษ์ ว่าด้วยการกำจัดกวาดล้างคอร์รัปชั่นทำประเทศไทยให้ใสสะอาด ยังส่อเสียดไปในทางตรงกันข้ามกับเจตนารมณ์อย่างน่าวิตก ข้อน่าวิตกกังวลสูงยิ่งในประเด็นทุจริตคอร์รัปชั่น ที่กำลังท้าทายความใสสะอาดบริสุทธิ์ผุดผ่องของคสช.และรัฐบาล พร้อม ๆกับการท้าทายความเด็ดขาดของพล.อ.ประยุทธ์ในการกำจัดทำลายเชื้อชั่วคอร์รัปชั่น คือ “โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน” วงเงิน 22,752 ล้านบาท ซึ่งพาดพิงอิงแอบอยู่กับสถาบันเบื้องสูง และเกาะเกี่ยวอยู่กับพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 และล้นเกล้ารัชกาลที่ 10 ในปัจจุบัน ความน่าวิตกในโครงการนี้ที่ชาวบ้านโจษขานกันคือ มีความไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดหาวัสดุอุปกรณ์ ซึ่งน่าสงสัยมีรายการทอนเงินขนานใหญ่ซ่อนอยู่ บางกระแสข่าวระบุเปรี้ยงเสียด้วยว่า อัตราส่วนเงินทอนบางรายการสูงถึงร้อยละ 50 หรือเข้าทำนอง “วัดครึ่งกรรมการครึ่ง” ข้อน่าสงสัยที่ชวนให้คิดอย่างมากน่าจะอยู่ตรงที่สาระสำคัญเชิงประจักษ์ ซึ่งเกิดขึ้นในงานสัมนาเชิงปฏิบัติการเตรียมพร้อมการดำเนินงานโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 1 กรกฏาคม 2560 ณ โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ เหตุการณ์วันนั้นมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไปเป็นประธาน และโอกาสอธิบดีกรมส่งการเกษตรซึ่งเป็นเจ้าภาพหลักในการขับเคลื่อนโครงการฯ หลุดปากพูดออกมาชัดถ้อยชัดคำว่า ชุมชนที่อยู่ในโครงการฯจะได้รับเงินไม่เกินวันที่ 15 กันยายน 2560 ทั้งๆที่ยังไม่มีการเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ท่านอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตรหยั่งรู้ล่วงหน้าได้อย่างไรว่า โครงการนี้จะได้รับอนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และมั่นใจได้ยังไงว่าจะปล่อยเงินถึงมือชุมชนไม่เกินวันที่ 15 กันยายน 2560 น่าสังเกตว่าโครงการนี้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 4 กรกฏาคม 2560 โดยกำหนดกรอบระยะเวลาดำเนินโครงการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2560 หรือภายในสิ้นปีงบประมาณ 2560 น่าพิศวงเป็นที่ยิ่งว่าโครงการนี้มีการเสนอโครงงานและพิจารณาอนุมัติโครงงานด้วยความรวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์พันลึก คล้อยหลังที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบดำเนินโครงการฯเพียงแค่ 20 วัน กรมส่งเสริมการเกษตรมีการสรุปจำนวนโครงงานที่ผ่านการพิจารณาอนุมัติแล้ว 24,166 โครงงาน วงเงิน 19,865.81 ล้านบาท ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งโครงการซึ่งมีชื่อเกาะเกี่ยวอยู่กับสถาบันเบื้องสูงที่แฝงเงื่อนปมชวนสงสัยไว้หลายจุดกำลังรอคำตอบสุดท้ายจากหัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรีอย่างใจจดใจจ่อ !!!! …………………………………………………….