ด่วนสายนรกอเวจี 4 ชัก 3

ด่วนสายนรกอเวจี 4 ชัก 3


นายนพรัตน์  เบญจวัฒนานันท์ อดีตผู้อำนวยการพศ. ที่เกษียณอายุราชการไปเมื่อปี 2556 และนางสาวประนอม  คงพิกุล รองผู้อำนวยการ ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในปี 2560 นี้คือ 2 ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำการทุจริตยักยอกฉ้อฉลเงินอุดหนุนพระพุทธศาสนา

พ.ต.ท.พงศ์พร  พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการ พศ.คนปัจจุบัน สาธยายว่าพฤติกรรมความชั่วช้าท้านรกที่ผู้ถูกกล่าวหาลงมือกระทำ  เป็นไปในลักษณะสมคบกับวัดที่สมยอมกัน โดยการอนุมัติเงินอุดหนุนแก่วัดเพื่อการปลูกสร้างหรือบูรณะซ่อมแซม  หรือเพื่อจัดการศึกษาพระพุทธศาสนา หรือเพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ภายใต้ข้อแม้ที่สมยอมกัน คือฝ่ายวัดที่รับเงินอุดหนุน ต้อง “ทอนเงิน” เป็นการสมนาคุณกลับคืนในอัตรา 4 ชัก 3

นั่นหมายถึงว่าเงินทุก ๆ 4 บาทที่นายนพรัตน์ หรือนางสาวประนอม ใช้อำนาจหน้าที่อนุมัติเงินอุดหนุนแก่วัด ทางวัดต้อง “ทอนให้” ในอัตราไม่ต่ำกว่า 3 บาท

“ต๋ง” ที่รีดเก็บในรูปของเงินทอนนี้สร้างความตื่นตะลึงพรึงเพริดแก่ชาวบ้านร้านตลาด ถึงขั้นปากอ้าตาค้าง…แม่เจ้าโว้ยตั้งแต่เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยพบเคยเห็นค่าต๋งอะไรที่มันมากมายมโหฬารมหาศาลขนาดนี้

ย้อนรอยอดีตเส้นทางชีวิต 2 ผู้ถูกกล่าวหาร่วมกันกระทำอัปรีย์จัญไรประดับไว้ในวงการพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย  ได้สะสมความ “อึ้ง-ทึ่ง”แบบอัดแน่น

รายของนายนพรัตน์เป็นผู้ชายที่มีสาว ๆอยู่ในคอลเลคชั่น 2-3 คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีสาวนางหนึ่งไปจัดพิธีแต่งงานกันไกลถึงสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 1 ปี

ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นผู้อำนวยการที่พาสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ไปสนิทแนบชิดกับอาณาจักรธรรมกาย และให้การสนับสนุนกิจกรรม “ธุดงค์ธรรมชัย” ของค่ายธรรมกายแบบสุดฤทธิ์สุดลิ่ม โดยไม่แยแสต่อท่าทีมหาเถรสมาคม

สำหรับเส้นทางชีวิตนางสาวประนอมดูจะเข้าข่าย “ต้นดี-ปลายคด” โดยสังเกตได้จากความเป็นบุคคลที่รับการยกย่องเชิดชูในฐานะ “คนดี” มาอย่างต่อเนื่อง เมื่อดำรงสถานะครูบาอาจารย์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่ความเป็นคนดี ค่อย ๆเลือนรางจางหายไป เมื่อยกสถานะมาเป็นข้าราชการระดับสูง สังกัดสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

ความเป็นคนดีของนางสาวประนอมที่รับรองด้วยรางวัลทั้ง “เสมาทองคำ-คุรุสดุดี-ครุฑทองคำ” ค่อย ๆกลายพันธุ์ และต้องข้อกล่าวหา “โกงเงินวัด”

ผู้โดยสารในขบวนรถด่วนสายนรกอเวจี โทษฐานยักยอกฉ้อฉลเงินอุดหนุนวัด นอกเหนือจาก 1 ชาย 1 หญิงที่ถูกเปิดโปงมาแล้วน่าจะต้องมีผู้ร่วมโดยสารอีกมากมาย ที่ยังซ่อนเร้นอำพรางอยู่ตามวัดวาอาราม  โดยไม่แยกแยะเป็นชั้นตรี-โทหรือเอก

ถึงเวลาต้องสังคายนากวาดล้างกำจัดบรรดากระสือ-กระหัง-เหลือบ-ริ้น-ไร ในร่างทรงของโล้นห่มเหลือง-โล้นห่มขาว หรืออุบาสก-อุบาสิกา ให้สิ้นซากอย่างจริงจังโดยไว เพื่อทำนุบำรุงวัดและพระให้ผุดผ่อง เป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจของชาวพุทธได้อย่างสนิทใจ