พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2560 ว่า ในระหว่างวันที่ 28-29 เมษายน ที่ผ่านมา ตนและคณะได้เดินทางไปประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 30 โดยเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย ครั้งที่ 10 เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้มีประเทศฟิลิปปินส์เป็นประธาน โดยจัดขึ้นในวาระก่อตั้ง 50 ปีซึ่งถือเป็นความร่วมมือที่ยาวนานและแน่นแฟ้นยิ่งกว่าความร่วมมือของภูมิภาคใดในโลกใบนี้ ซึ่งในปีนี้ผู้นำอาเซียนได้ร่วมกันย้ำถึงความสำคัญในการที่จะทบทวนและพิจารณาเพิ่มศักยภาพการดำเนินการของประชาคม โดยเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลังถึงแม้ความร่วมมือในอาเซียนจะประสบความสำเร็จมาระดับหนึ่งแล้ว แต่เราก็ต้องยอมรับยังต้องส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในภูมิภาค และสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับอาเซียนให้มากขึ้นควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นตรงกันว่าการเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนด้านความมั่นคงในภูมิภาคนี้ ทำให้อาเซียนต้องรักษาความเป็นแกนกลางในด้านความมั่นคงของภูมิภาค และบริหารความสัมพันธ์ที่มีกับประเทศมหาอำนาจให้เป็นประโยชน์ เพื่อให้ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่มีเสถียรภาพ มั่นคง และยั่งยืน ขณะเดียวกัน อาเซียนต้องสร้างความแข็งแกร่งภายใน เพื่อรับมือกับความท้าทายต่าง ๆ เช่น การส่งเสริมความร่วมมือด้านการบริหารจัดการชายแดน การจัดตั้งศูนย์ไซเบอร์อาเซียน และ ASEAN Centre for Active Ageing and Innovation เพื่อดูแลการเข้าสู่สังคมสูงวัยที่กำลังจะมาถึง รวมถึงจะต้องยืนหยัดในการส่งเสริมการค้าเสรีระหว่างกัน และเร่งเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ให้สำเร็จโดยเร็ว และยังต้องมุ่งที่จะเพิ่มการค้าภายในระหว่างกันให้มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาประเทศอื่น ๆ ลงด้วย ด้านการประชุมระดับผู้นำแผนงานการพัฒนาเขตเศรษฐกิจสามฝ่าย อินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย หรือ IMT-GT นั้น ก็ได้มีการเน้นย้ำถึงความสำคัญของอนุภูมิภาคนี้ ในการเสริมสร้างประชาคมอาเซียน โดยเฉพาะในด้านความเชื่อมโยงของโครงสร้างพื้นฐานและกฎระเบียบต่างให้สมบูรณ์ ในการสนับสนุนวิสัยทัศน์ 20 ปีของอาเซียน และยังได้มีการรับรองแผนปฏิบัติการ 5 ปี ซึ่งไทยได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และการพัฒนาที่ยั่งยืน อีกประเด็นความร่วมมือของกลุ่มสมาชิกอาเซียน ได้แก่ การพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยยกระดับให้ภูมิภาคนี้เป็น “จุดหมายปลายทางเดียวกัน” ที่เรียกว่า “Single Tourist Destination” ของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยได้กำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวภูมิภาคอาเซียน ภายใต้ชื่อ “Visit ASEAN at 50” เพื่อฉลองการก่อตั้งอาเซียนครบรอบ 50 ปี รวมทั้งเพื่อแสดงความแตกต่างอันเป็นหนึ่งเดียวอย่างลงตัวของกลุ่มประเทศอาเซียนของเรา ในสายตาของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยคาดว่า จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้กว่า 121 ล้านคน และทำรายได้ให้กับประเทศสมาชิกถึง 29 ล้านล้านบาท ประมาณ 828 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ตาม ในการเตรียมความพร้อม ประเทศสมาชิกอาเซียนได้มุ่งเน้นการเติมเต็มเครือข่ายความเชื่อมโยงในด้านต่าง ๆ ระหว่างกันให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เช่น การพัฒนาเครือข่ายเส้นทาง การพัฒนาโครงการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟสายคุนหมิง – สิงคโปร์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 การพัฒนาทางหลวงอาเซียน โดยเน้นการเชื่อมต่อของไทยกับเมียนมา กัมพูชา ลาว และเวียดนาม ซึ่งจะส่งผลให้ไทยสามารถยกฐานะขึ้นเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวของภูมิภาคได้อย่างเต็มตัว และจะเอื้อประโยชน์ในการเชื่อมต่อให้กับประเทศเพื่อนบ้านของเรา เพื่อให้เราเติบโตไปด้วยกัน และสร้างมิตรภาพที่ยั่งยืนอีกด้วย