เป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์มาแล้วก่อนหน้านี้ สำหรับนางสงกรานต์ที่เข้าเวรประจำปี 2560 ที่มาพร้อมชื่อชั้นอันน่าสะพึงกลัว “กาฬกิณีเทวี” แน่นอนว่าชื่อของนางสงกรานต์ประจำปีนี้ฟังดูแล้วก็ทะแม่งๆ ชอบกล แถมสำทับด้วยสารพัดหมอดูโหราจารย์ที่ระบุว่า นางสงกรานต์ชื่อดุปีนี้จะร้ายแรงถึงขั้น “อดอยาก ขัดแย้งและพิบัติภัย” ยิ่งเมื่อเทียบกับสถิติที่เคยเกิดขึ้นแล้วในกรณีน้ำท่วมใหญ่ปี 2554 ที่ผ่าน บังเอิญว่าเป็นนางสงกรานต์นางเดียวกันนี้เข้าเวรด้วย ฟังแล้วเสียวสยองไม่เบา
ก่อนจะเข้าไปในเรื่องของคำทำนายหรือเรื่องราวการวิเคราะห์ก็ต้องเข้าใจถึงประวัติที่มาของ “นางสงกรานต์” กันซะหน่อย ตามตำราจารึกโบราณเก่าที่สุดที่พบได้เป็นจากรึกของ “วัดโพธิ์” หรือ วัดพระเชตุพนฯ กทม.เรานี่เอง
ตำนานนี่เกิดจากความทะลึ่งของ “ท้าวกบิลพรหม” ที่ไปท้าทาย “ธรรมบาล” ลูกของเศรษฐี ที่พระอินทร์ประทานมาให้ ด้วยความที่ “กุมารธรรมบาล” เป็นบุตรแห่งเทพผู้ประทาน จึงมีความสามารถเป็นที่เลื่องลือ และร่ำเรียนอรรถวิชาได้เชียวชาญนักแล เลยไปเตะตาสะดุดใจท้าว ท้าวกบิลพรหม ที่เกิดอารมณ์คึกอยากลองของ (ว่างั้น) จึงได้เล่นทายปัญหากับ “กุมารธรรมบาล” ไว้ 3 ข้อ
แต่งานนี้ไม่ใช่ทายปัญหาแบบตลกเมืองไทยที่ถือถาดไว้ตีหัวกันดังแป๊ะ ๆ โดยเดิมพันนั้นถึงกับเอาศรีษะเอาชีวิตกันเลยทีเดียว ความบ้าบิ่นของท้าวกบิลพรหมเดิมพันกันกันแบบนี้ “ถ้าตอบได้ก็จะตัดศรีษะให้ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็ให้เอาหัวมาตัดแทน” ดูทำเข้า ด้วยคำถามที่ว่า “ศรีในช่วงเวลาเช้า-เที่ยง และค่ำอยู่ที่ไหน”
เรื่องราวยังยืดยาวเป็นตำนานอีกหลายประการ สรุปเป็นว่า“กุมารธรรมบาล”ตอบได้ ด้วยความช่วยเหลือจากนก (เรียนเก่งจนฟังภาษานกได้) ที่เฉลยว่าตอนเช้าศรีจะอยู่ที่หน้า คนจึงต้องล้างหน้าทุก ๆ เช้า ตอนเที่ยงศรีจะอยู่ที่อก คนจึงเอาเครื่องหอมประพรมที่อก ส่วนตอนเย็นศรีจะอยู่ที่เท้า คนจึงต้องล้างเท้าก่อนเข้านอน
เอาละสิคราวนี้อีตาท้าวกบิลพรหมก็งานเข้า เพราะคำตอบนั้น “ถูกกกกกก ต้องแล้วคร๊าบบบบ” ต้องทำตามเงื่อนไขที่ตั้งเอาไว้เอง นั่นคือ “ต้องตัดหัวตัวเอง” แต่ก็อะนะ แกเป็นท้าว แกเป็นคนใหญ่คนโต แถมมีลูกสาวสวยฟิ๊งหุ่นเซี๊ยะ ทั้ง 7 คนที่รับใช้ใกล้ชิดเทพอย่างพระอินทร์ เลยปรึกษาหารือกันสรุปว่าไม่ใช่ว่าไม่อยากทำตามสัญญา แต่เพราะเป็นคนใหญ่คนโตมีฤทธิ์หากจะตัดหัวแล้วไปตกซี๊ซั๊วก็จะทำให้ทั่วระหองระแหงที่หัวของท้าวกบิลพรหมไปตกอยู่เดือดร้อน เรียกได้ว่าถ้าตกบนแผ่นดินไฟก็จะไหม้โลก แต่ถ้าจะโยนขึ้นไปบนอากาศฝนก็จะแล้ง หรือถ้าจะทิ้งในมหาสมุทรน้ำก็จะแห้ง” ขนาดนั้น
เพื่อจัดการปัญหาทั้งหลายทั้งปวง กรรมเลยตกอยู่กับลูกสาวทั้ง 7 ที่ต้องผลัดกันเข้าเวรมารองรับหัวแก (ท้าวกบิลพรหม) แบบจำใจ เพราะจะเที่ยวโยนทิ้งไปไหนก็ไม่ได้ สรุปเลยละกันว่าลูกสาวที่ต้องมารับหัวแกนั่นแหละ คือนางสงกรานต์ทั้ง 7 โดยเวลานั้นกำหนด 365 วันเป็นทุก ๆ วันสงกรานต์ ลูกสาวท้าวกบิลพรหมทั้ง 7 คน เลยกลายเป็นนางสงกรานต์ของแต่ละปี และผลัดเวียนกันไปตามวัน (วันจันทร์ – อาทิตย์ ที่ตรงกับวันถือของวันมหาสงกรานต์ในแต่ละปี)
7 นางสงกรานต์ถือโน่นนี่นั่นขี่สัตว์นั้นโน่นนี่ เป็นใครหน้าตาเป็นอย่างไรเรื่องนี้ อาจารย์ GOO (GLE) มีคำตอบ (ไปหาดูเอาเอง)
แต่เมื่อมาถึงปีนี้ (2560) ที่มหาวันสงกรานต์ตรงกับวันพฤหัสบดี “กาฬกิณีเทวี” เข้าเวรพอดิบพอดี ส่วนที่หลายคนกลัวกันว่า SHE มาจะมีแต่เรื่องร้าย ๆ จริงหรือไม่ ก็เท่าที่ผู้รู้ว่ากันมาส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปตามนั้น ตามคำทำนายที่ว่า “นางสงกรานต์ ปี 2560 นามว่า นางกาฬกิณีเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกยี่หุบ อาภรณ์แก้วมรกต นอนบนหลังช้าง ทำนายว่า น้ำมาก พืชพรรณธัญญาหารจะถูกแมลงรบกวน ความขัดแย้งรุนแรง”
นางสงกรานต์มาบนช้าง ทรงพาหุรัด (ไม่ได้หมายถึงขี่ช้างไปเที่ยวพาหุรัด) เรียกได้ว่ามาแรงมาหนัก ก็อาจจะเป็นที่มาของคำทำนาย “น้ำจะหนัก” น้ำจะมาก บางคนก็กลัวไปว่าจะซ้ำกับปี 2554 ที่ก็เป็น SHE นี่แหละที่เข้าเวร คือ “น้ำท่วม” เพราะว่ากันว่า “นางสงกรานต์แต่ละปีจะมีดีและร้าย และจะมีดีมากกว่าร้าย 7 นางจะมีร้ายอยู่ 2 นาง ก็มีนาง“กาฬกิณีเทวี” SHE นี่แหละที่อยู่ในฝ่ายร้าย แต่ก็ไม่ได้ร้ายสุดๆ (เขาว่ามา) “ไพศาล พืชมงคล”อดีตสมาชิกวุฒิสภาและอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นหนึ่งในผู้ที่คิดเช่นนั้น (โพสต์ผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว) โดยระบุว่ากาฬกิณีเทวี เป็นนางสงกรานต์ที่มีศีลมีธรรมเสวยมังสวิรัต จะร้ายกับพวกคนชั่วช้าเลวทรามทั้งหลาย แต่จะดีกับผู้เป็นบัณฑิตและผู้มีศีลมีธรรม
ดังนั้น แม้นางสงกรานต์ปีนี้ จะเป็น “กาฬกิณีเทวี” (ที่เขาว่าร้าย) แต่สิ่งที่แน่นอนกว่าคือหากผู้คนตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมแล้ว น่าจะเกราะคุ้มครองป้องกันหรืออย่างน้อยก็สะกิดให้ SHE (กาฬกิณีเทวี) มองผ่านๆ ข้ามๆ ไม่อาละวาดจนเกิดผลกระทบมาสู่คนที่รักษาศีลและมีธรรมประจำใจบ้างก็เป็นได้
ตามตำราโบร่ำโบราณแล้ว “กาฬกิณีเทวี”จะเสด็จเข้าเวรสงกรานต์ตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2560 เวลา 02 นาฬิกา 49 นาที 12 วินาที เป็นต้นไป ดังนั้นในช่วงสงกรานต์นี้ ก็หมั่นทำบุญทำทานเอาไว้ให้มากๆ เพื่อลดความร้ายแรงเกรี้ยวกราดของ “กาฬกิณีเทวี”
แต่สุดท้ายก็แล้วแต่ว่าจะใช้วิจารณญาณกันอย่างไร ว่ากันต่อไปอีกว่าด้วย “กาฬกิณีเทวี ทรงอาภรณ์ (เสื้อผ้า) “สีเขียวมรกต” ดังนั้นโทนสีเขียวจึงเป็นโทนมาแรงแก้เคล็ด และก็ใช่ว่า SHE (กาฬกิณีเทวี) มาแล้วจะร้ายเสมอไป บอกให้เลยว่า SHE ไม่ได้ร้ายไปซะกับทุกอย่าง และอย่างหนึ่งที่จะดีตามการเข้าเวรของSHE โหราอาจารย์ว่าไว้หัตถกรรมอัญมณีจะมีค่านักแล ธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้จะทำมาค้าขายคล่องเจริญรุ่งเรือง แต่แน่ละเรื่องแบบนี้เป็นวิจารณญาณใครวิจารณญาณมัน ดวงใครดวงมัน ง่ายสุดคือตั้งมั่นในศีลในธรรมไว้คอยรอรับ SHE ขี่ช้างมาในวันที่ 14 เม.ย.60 นี้ไว้ก่อนดีที่สุด