จับพลัดจับผลูรายการหน้ากากนักร้องของค่ายเวิร์คพอยต์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับให้เป็นรายการวาไรตี้ยอดนิยมขวัญใจมหาชน ประจำทุกค่ำคืนวันพฤหัสบดี ก็พลิกผันกลายเป็นรายการที่ทำให้ชาวบ้านผิดหวังและเสียความรู้สึกอย่างสูง เมื่อค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา
ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. เป็นค่ำคืนที่ชาวบ้านพร้อมใจกันเฝ้าหน้าจอ จดจ้องช่องเวิร์คพอยต์อย่างใจจดใจจ่อด้วยความกระหายอยากรู้ว่าใครคือ “หน้ากากอีกาดำ” และใครคือ “หน้ากากทุเรียน” ตามที่ถูกทำให้เชื่อสนิทใจมาตลอดว่าค่ำคืนวันนั้น คือค่ำคืนแห่งการเฉลยเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงของทั้ง “หน้ากากอีกาดำ” และ “หน้ากากทุเรียน”
ความพร้อมเพรียงกันของชาวบ้านในการเทใจเฝ้าจับจ้องดูรายการที่ว่า ทำให้เรทติ้งช่องเวิร์คพอยต์ ช่วงระหว่างเวลา 20.00 – 23.00 น.ของวันพฤหัสบดีที่ 23 มี.ค. พุ่งทะยานทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในทุกเขตพื้นที่ทั่วเมืองไทย ปล่อยให้แชมป์และรองแชมป์เรทติ้งตลอดกาลได้แต่แหงนมองตาปริบๆ
ณ ช่วงเวลานั้นของวันนั้นอภินิหารของรายการหน้ากากนักร้อง ทำให้เรทติ้งเฉลี่ยทั่วประเทศช่องเวิร์คพอยต์กระโดดขึ้นไปแตะระดับ 13.24 และเรทติ้งเฉลี่ยในเขตกรุงเทพฯพุ่งไปแตะระดับ 19.34 ขณะที่เรทติ้งเฉลี่ยในเขตเทศบาลอยู่ที่ระดับ 16.12…เรทติ้งเฉลี่ยนอกเขตเทศบาลอยู่ที่ระดับ 10.79
อาจจะด้วยตัวเลขเรทติ้งจากรายการหน้ากากนักร้องที่ดีเลิศประเสริฐสุด ทำให้คณะผู้บริหารค่ายเวิร์คพอยต์ เกิด“ดวงตาเห็นเงิน”แล้วไปสั่งสมองบันดาลความคิดให้บรรเจิด และลงเอยด้วยการ “ลาก”รายการให้ “ยืด” ออกไปโดยหลงลืมนัดหมายที่ให้ไว้กับแฟนรายการเสียสนิท
ในที่สุดคำเฉลยที่ครบถ้วนสมบูรณ์ซึ่งชาวบ้านเฝ้ารอ ก็กลายเป็นเพียงคำเฉลยพิกลพิการ กระท่อนกระแท่น…ครึ่ง ๆกลาง ๆ
ได้รู้เพียงแค่ใครคือตัวจริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากอีกาดำ แต่ถูกแหกตากลางดึกซะงั้น ไม่ยอมให้รู้ว่าใครคือตัวจริงที่ซ่อนอยู่หลังหน้ากากทุเรียน
ความพยายามของค่ายเวิร์คพอยต์ในการขมิบการเปิดเผยโฉมหน้าบุคคลหลังหน้ากากทุเรียน มีเจตนาเพียงเพื่อหวังเลี้ยงกระแสเรทติ้งเอาไว้เรียกทรัพย์จากสปอนเซอร์เป็นสำคัญ ทั้งที่ระหว่างการออกอากาศรายการมีการปล่อยโฆษณากันออกมายาวเฟื้อยในแต่ละช่วง ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่ท่านกรรมการ กสทช.ที่เคารพน่าจะได้ไปตรวจสอบความถูกต้องตามกฏหมาย ของการใช้เวลาโฆษณาที่กำหนดบังคับไว้ไม่เกิน 10 นาทีต่อทุก ๆ 1 ชั่วโมง สมทบกับโฆษณาแฝงที่แปะไว้ตามซอกหลืบในเนื้อรายการ
พฤติกรรมความเจ้าเล่ห์แสนกลของค่ายเวิร์คพอยต์ ที่บั่นทอนบ่อนทำลายความรู้สึกดี ๆของชาวบ้านน่าเชื่อว่าจะได้รับบทเรียนสะท้อนกลับจากชาวบ้านในโอกาสข้างหน้า
อย่างน้อยระดับราคาหุ้นเวิร์คพอยต์เมื่อวันที่ 24 มี.ค. ถัดจากวันที่ชาวบ้านถูกกระทำชำเราอารมณ์ความรู้สึกไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็ถูกชาวบ้านนักลงทุนเทถล่มราคาลงมาปิดในระดับต่ำสุดของวัน
อย่างน้อยที่สุดเรทติ้งรายการหน้ากากนักร้อง ที่อาจกลายเป็น “ขี้กลาก” ไปเรียบร้อยในความรู้สึกนึกคิดชาวบ้าน ก็น่าเชื่อได้ว่าจะถูกสั่งสอนอย่างแสนสาหัสจากปฏิกิริยามหาชน
ที่น่าสงสัยคือสปอนเซอร์ทั้งหลายยังจะมีจริยธรรม คบหาอยู่กับค่ายนี้ได้อย่างสนิทใจอยู่ต่อไปอีกหรือ….หรือว่าจริยธรรมทางธุรกิจเป็นเพียง “นามธรรม”…เป็นแค่ “ภาพลวงตา” นับประสาอะไรกับผลประโยชน์ และเงินตรา ที่เป็น “ของจริง” …เป็น “รูปธรรม”จับต้องได้จริง