เศรษฐกิจติดบวก

เศรษฐกิจติดบวก


ชีพจรเศรษฐกิจไทย กำลังส่งสัญญาณความเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เป็นบวก ด้วยจังหวะที่คึกคักมีชีวิตชีวามากขึ้น

อาการเคลื่อนไหวของชีพจรเศรษฐกิจไทย เป็นไปในทิศทางที่ย้อนศรฟองน้ำลาย และจินตนาการของพวกชอบสร้างมโนภาพ “โลกมืด”อย่างสิ้นเชิง

ประจักษ์พยานยืนยันสัญญาณบวกของระบบเศรษฐกิจไทย ปรากฏให้สังเกตเห็นชัดเจนด้วยตาเปล่ามากมายหลายประการ

ประการแรก ผลประกอบการในรอบปี 2559 ที่กระเตื้องเฟื่องฟูดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจค้าปลีก ซึ่งทยอยประกาศออกมาอย่างเป็นทางการไม่ว่าจะเป็นค่ายซีพีออลเจ้าของกิจการเซเว่นอีเลฟเว่น หรือค่ายเบอร์ลี่ยุคเกอร์

ผลประกอบการที่ดีขึ้นของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกคือปัจจัยสำคัญที่สะท้อนถึงกำลังซื้อประชาชน ซึ่งฟื้นตัวอย่างเป็นรูปธรรม

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสัวใหญ่ เจ้าสัวน้อยทั้งหลายในยุทธจักรค้าปลีกต่างมองอนาคตธุรกิจค้าปลีกปี 2560 ไปในทิศทางที่สดใสสวยงามกว่า 2-3 ปีก่อน โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตเฉลี่ยจะอยู่ในระดับเกินกว่า 3 % ขณะที่ช่วง 2-3 ปีก่อนจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่ำกว่า 3 %

อย่างไรก็ดี ประเด็นนี้แอบแฝงความน่าเป็นห่วง ที่รัฐบาลพึงต้องให้ความตระหนัก และคิดหามาตรการเยียวยา เนื่องจากรายได้ รวมทั้งผลกำไรของกลุ่มธุรกิจค้าปลีกที่อู้ฟู้ดีขึ้น อาจกระจุกตัวอยู่เฉพาะกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ หรือกลุ่มค้าปลีกที่มีความทันสมัย  แต่กลุ่มธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมประเภทเถ้าแก่คนเดียว อาจต้องถูกสูบกินส่วนแบ่งจนแทบจะเหลือ “หนังหุ้มกระดูก”ก็เป็นได้

ประการที่สอง ยอดจำหน่ายปูนซิเมนต์เดือนม.ค.2560 ขยับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.2559 ด้วยอัตรา 2 %  การขยับตัวเพิ่มขึ้นของยอดขายปูนซิเมนต์เป็นปัจจัยบ่งชี้ถึงชีพจรธุรกิจการก่อสร้างที่มีการกระเตื้องตัวดีขึ้น

ประการที่สาม ยอดจำหน่ายรถยนต์ เดือนม.ค.2560 ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.2559 ด้วยอัตรา 10.5% สะท้อนถึงกำลังซื้อภาคประชาชนที่ฟื้นตัวดีขึ้น และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่ออนาคตของเศรษฐกิจมากขึ้น ถึงขั้นกล้าตัดสินใจซื้อทรัพย์สินที่มีราคาสูงอย่างรถยนต์

ประการที่สี่ มูลค่าการส่งออกสินค้า เดือนม.ค.2560 เติบโตขึ้นอย่างมากจากเดือนม.ค.2559 ด้วยอัตราที่สูงถึง 8.8 %

กรณีการส่งออกนี้ มีความพยายามของพวกอสูรกายในการใช้วิชามารปั้นน้ำเป็นตัวชิงปล่อยข่าวแพร่ไปในสังคมออนไลน์ก่อนหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จะแถลงตัวเลขออกมาอย่างเป็นทางการ โดยมั่วนิ่มโมเมว่าตัวเลขการส่งออกเดือนม.ค.ติดลบ 4.4 % ซึ่งทำเอาชาวบ้านที่รู้ไม่เท่าทันวิชามารของเหล่าอสูรกายพากัน “อึ้ง-ทึ่ง-เสียว”ไปตาม ๆกัน

ประการที่ห้า รายได้จากการจัดเก็บภาษี  ตลอดจนรายได้อื่นๆ รวมทั้งรายได้ที่รัฐวิสาหกิจนำส่งเข้าเป็นรายได้ของแผ่นดิน สำหรับช่วงเดือนต.ค.2559-ม.ค.2560 ซึ่งเป็นช่วงระยะเวลา 4 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีงบประมาณ 2559 ล้วนขยับตัวสูงขึ้น

สัญญาณเศรษฐกิจที่น่าชื่นใจ มีเค้าลางที่จะเพิ่มพูนความน่าชื่นใจมากยิ่งขึ้นไปได้อีก ตราบเท่าที่ไม่ถูกมรสุมความงี่เง่าทางการเมืองทำลายล้างลงเสียก่อน

โดย โดย ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค