เงินคงคลังสำคัญไฉน ???

เงินคงคลังสำคัญไฉน ???


การหยิบยกประเด็นเรื่องเงินคงคลังที่ระบุตัวเลข 7.5 หมื่นล้านบาทโจมตีว่า รัฐบาลบิ๊กตู่กำลังถังแตกโดยเปรียบเทียบว่าในอดีตเราเคยมีเงินคงคลังสูง 2 – 3 แสนล้านบาท มีการทำตารางเปรียบเทียบย้อนหลัง 5 ปีบ้าง 10 ปีบ้าง ซึ่งแสดงตัวเลขว่าในยุครัฐบาลบิ๊กตู่เงินคงคลังร่อยหรออย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน

     ผู้คนทั่วไปย่อมตกใจกับคำว่า “ถังแตก” เป็นธรรมดา ยิ่งเห็นตัวเลขที่ลดลงมาฮวบฮาบจริง ที่ไม่รู้ไม่เข้าใจว่าอะไรคือเงินคงคลังก็พลอยจะเชื่อแบบเคลิ้ม ๆเหมือนถูกยาสั่ง

     จากนั้น “สตอรี่” ก็ตามมาราวกับนัดหมาย เช่นรัฐบาลใช้เงินมือเติบ ทั้งลดแลกแจกแถมยิ่งกว่าประชานิยม และวิพากษ์วิจารณ์ไปถึงงบประมาณด้านความมั่นคง การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของทหาร เป็นต้น

      ดังนั้นถ้าจะให้ฟันธงการหยิบยกประเด็นเรื่องเงินคงคลัง เบื้องลึกหรือเบื้องหลังคงไม่ใช่ประเด็นทางเศรษฐกิจเรื่องการเงินการคลังทั่ว ๆไปแต่เจตนาน่าจะเป็นเรื่องการเมืองเป็นหลัก กล่าวคือมีวาระถล่มรัฐบาลบิ๊กตู่ตั้งเป็นธงไว้อยู่แล้ว ประเด็นอะไรที่สามารถสร้างเป็นวาทกรรมได้ก็จะหยิบยกมาใช้ และบังเอิญว่าเรื่องเงินคงคลังพอจะโมเมสร้างเป็นวาทกรรมได้ ประเด็นเรื่องเงินคงคลังก็เลยกลายเป็นประเด็นร้อนเท่านั้นเอง

       ถ้าจะตั้งข้อสังเกตก็จะพบว่าผู้รู้จริง ๆ ไม่มีใครออกมาแสดงความตกอกตกใจ มีความเห็นจากนักวิชาการบางคนก็เป็นการโยงจากเรื่องเงินคงคลังไปที่เรื่องการตั้งงบประมาณขาดดุล เป็นมุมมองแบบผู้พอรู้ว่าเรื่องเงินคงคลังจะมากจะน้อยไม่ได้สะท้อนสถานะว่า รัฐบาลจะถังแตกหรือไม่ถังแตกอะไรได้เพียงแต่ยังต้องการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลกับเขาด้วย ก็เลยลากจากประเด็นเรื่องเงินคงคลังไปที่เรื่องการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลแทนแต่ก็ไม่ใช่ประเด็นที่ผู้คนจะสนใจ เนื่องจากจะมีรายละเอียดที่จะต้องทำความเข้าใจอีกมาก ไม่เหมือน “สตอรี่”ตัวเลขเงินคงคลังที่ลดวูบลงแบบเห็น ๆ

       เรื่องเงินคงคลังจึงชี้แจงทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ดังที่รองนายกฯสมคิดและรมว.คลังได้ชี้แจงไปแล้วหลายรอบ และหากไปพลิกแฟ้มข่าวย้อนหลังช่วงที่มีเงินคงคลังสูง ๆ ระดับ 4 – 5 แสนล้านบาท ซึ่งก็จะเป็นช่วงที่เงินภาษีบุคคลธรรมดาและภาษีนิติบุคคลเข้ามามาก ก็เคยมีการตั้งคำถามไปถึงเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้าทำให้โครงการที่สำคัญสะดุดหยุดลงกันมาแล้ว

     การที่เงินคงคลังอยู่ในระดับ 7.5 หมื่นล้านบาทซึ่งในทางหลักการ สอดคล้องกับช่วงจังหวะของการเบิกจ่ายงบประมาณ ถ้ารัฐบาลจะประกาศว่าเป็นผลงานของการสร้างประสิทธิภาพในการเร่งเบิกจ่ายและการบริหารให้เงินคงคลังอยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ต้องกู้เงินมากองไว้เฉย ๆให้เปลืองดอกเบี้ย ก็น่าจะตีปีบประกาศให้กึกก้อง  ข้อนี้รัฐบาลน่าจะนำไปทบทวนว่าเรื่องดี ๆทำไมกลายเป็นเรื่องร้าย ถูกนำไปขยายว่าเป็นผลงานแย่ ๆของรัฐบาลไปได้

      ประการสำคัญ แม้จะพอวิเคราะห์ได้ว่าการหยิบยกเรื่องเงินคงคลังมาโจมตีรัฐบาลโดยสร้างวาทกรรมว่า รัฐบาลถังแตกจะเป็นเรื่องการเมืองแต่เรื่องนี้มีความละเอียดอ่อนในทางเทคนิค ผู้ที่ชี้แจงควรเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงเช่น รมว.คลังหรือข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง การเริ่มต้นชี้แจงโดยผู้ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงตลอดจนการแสดงความฉุนเฉียว (เนื่องจากทราบว่าเป็นเจตนาร้ายทางการเมือง) ต่อเรื่องดังกล่าว ยิ่งทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่อย่างที่ไม่ควรจะเป็น

    ตรวจสอบล่าสุดเวลานี้เรื่องเงินคงคลัง ก็คงจะเป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งกันไปแล้วสำหรับรัฐบาลบิ๊กตู่ ก็ภาวนาว่าจะไม่ต้องนำบทเรียนนี้มาเรียนซ้ำกันอีกเรื่อย ๆในอนาคต

โดย : ไพศาล มังกรไชยา