นายกฯ น้อมนำพระราชดำรัส –ประชารัฐเดินหน้าประเทศไทย

นายกฯ น้อมนำพระราชดำรัส –ประชารัฐเดินหน้าประเทศไทย


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวภายในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2560 ว่าการทำงานของรัฐบาลมีทั้งการเพิ่มศักยภาพ “จุดแข็ง” และแก้ไข “จุดอ่อน”ในทุกขั้นตอน ทุกรายละเอียด ในกระบวนการทำงาน ซึ่งมีการทบทวนอยู่เสมอเพราะเข้าใจว่าปัญหาปากท้อง ปัญหาของประเทศ ยังอาจไม่สามารถแก้ไขจบสิ้นไป ภายในระยะเวลาเพียง 2 ปีกว่า แต่เราก็ไม่อาจจะรั้งรอหรือละเลยได้ ปัจจุบันการทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความสามัคคีปรองดอง

โอกาสนี้ตนขอน้อมนำพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งมีใจความสำคัญว่า“…ชาติบ้านเมืองประกอบด้วยนานาสถาบัน อันเปรียบได้กับอวัยวะทั้งปวงที่ประกอบกันขึ้นเป็นชีวิต ร่างกายซึ่งจะดำรงอยู่ได้เพราะอวัยวะใหญ่น้อยทำงานเป็นปรกติพร้อมกันอย่างไร ชาติบ้านเมืองก็ดำรงอยู่ได้เพราะสถาบันต่างๆ ตั้งมั่นและปฏิบัติหน้าที่ของตนโดยพร้อมมูลอย่างนั้น…” ทั้งนี้เพื่อเป็นการให้สติกับพวกเราทุกคนและขอให้  “ศาสตร์พระราชา” นี้เป็นแรงกระตุ้น “พลังแผ่นดิน” จากทุกภาคส่วนในการร่วมกัน “เดินหน้าประเทศของเรา” ไปสู่ความสำเร็จ เพื่ออนาคตของลูกหลานสืบไป

ทั้งนี้ตนต้องขอให้เราระลึกถึงอดีต กุศโลบายของบรรพบุรุษในการสร้างความใกล้ชิด ความผูกพัน ความรักและความสามัคคี” ในชุมชน ท้องถิ่นที่อยู่คู่ “สังคมเกษตรกรรม” ของไทยมาช้านานได้แก่ ประเพณีการ “ลงแขก” ทำนา ดำนา เกี่ยวข้าว นวดข้าว แม้ในปัจจุบันเราจะก้าวสู่ “สังคมประเทศไทย 4.0” ซึ่งเป็น “สังคมแห่งการเรียนรู้”ทุกคนต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ และไม่ว่าใครจะเป็นคนไทย 1.0, 2.0, 3.0 หรือ 4.0 ก็ตาม แต่ความ “รู้ รัก สามัคคี” ของคนในชาติ จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอยู่เสมอ

ดังนั้นการสร้างความสามัคคีดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสามารถเดินหน้านโยบายที่สำคัญต่าง ๆ ตามแนวทาง “ประชารัฐ”  ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

1.โครงการฟื้นฟูชุมชนดินแดง โดยรัฐบาลใช้เวลาเพียง 10 เดือน  ตามแนวทาง “ศาสตร์พระราชา” ได้แก่ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” อันเป็นยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาที่สำคัญ ที่รัฐบาลได้ยึดถือเป็นแนวทาง ทั้งในการวางรากฐานการพัฒนา ในทุกๆ ด้าน และการปฏิรูปประเทศ มาโดยตลอดร่วมกับแนวทาง “ประชารัฐ” โดยสามารถ “สร้างความเข้าใจ – แสวงหาความร่วมมือ” จนชาวชุมชนดินแดง “เห็นด้วย” และ “เปิดใจ”

ยอมรับการเปลี่ยนแปลง กว่าร้อยละ 97  ภายใต้แผนยุทธศาสตร์การพัฒนาที่อยู่อาศัย 10 ปี (พ.ศ. 2559 – 2568) ซึ่ง ครม.ได้อนุมัติ “แผนแม่บทโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง” โดยการก่อสร้างอาคารพักอาศัย แปลง G เป็นโครงการนำร่อง  ที่จะสามารถรองรับผู้อยู่อาศัยเดิม กว่า 6,500 หน่วย และผู้อยู่อาศัยกลุ่มใหม่ เกือบ 14,000 หน่วย (รวมทั้งสิ้น กว่า 20,000 หน่วย)

  1. “เกษตรแปลงใหญ่”  ด้วยการสร้างรายได้ที่มั่นคงและแก้ปัญหาให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน จะเป็นการปรับเปลี่ยน– ปฏิรูปวิธีการผลิต  โดยหันมาให้ความสำคัญกับการ “รวมกลุ่ม” และการ “รวมพื้นที่” เป็นแปลงขนาดใหญ่  นอกจากเพื่อสร้างพลังอำนาจในการเข้าถึงแหล่งทุน, ปัจจัยการผลิตและการตลาดแล้ว  ยังเป็นการสร้าง “พลังความสามัคคี” ตั้งแต่ระดับฐานราก ด้วยกิจกรรม ที่มี “จุดร่วม – ความสนใจร่วม – ผลประโยชน์ร่วมกัน”  ซึ่งก็มีทั้งแปลงใหญ่ – ลักษณะพืชเชิงเดี่ยว – ไร่นาสวนผสม –  เกษตรทฤษฎีใหม่ – ประมง – ปศุสัตว์ – พืชผักผลไม้  ตามแนวทาง “ประชารัฐ” จนเกษตรกรสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพในต้นทุนที่ลดลง ส่งผลให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น โดยยึดพื้นที่ที่มีความเหมาะสมสอดคล้องกับ Agri Map  พร้อมจัดตั้งศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (สพก.) โดยใช้งานวิจัยนวัตกรรมเทคโนโลยีในการบริหารจัดการสมัยใหม่เข้ามาช่วย  ภายใต้การสนับสนุนและบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง  โดยมี “ผู้จัดการแปลง” เป็นผู้บริหารจัดการ

ขณะเดียวกันการทำงานภายใต้กลไกประชารัฐนั้น ตนเห็นว่า “ข้าราชการ” ซึ่งเป็นผู้แทนภาครัฐมีความสำคัญอย่างมาก  ในฐานะ “สะพาน” เชื่อมความร่วมมือ สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ ระหว่างภาคธุรกิจเอกชน กับภาคประชาชน  ดังนั้น การสร้าง “นวัตกรรม” ทางความคิด –กระบวนการทำงาน – การสร้างเครือข่าย เพื่อสรรหาแนวทางใหม่ ในการบริหารจัดการกับปัญหา หรือเพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน ให้เร็วขึ้น – สะดวกขึ้น – ประชาชนพึงพอใจและมีความสุข “มากขึ้น”  โดยที่นวัตกรรมไม่เพียงแต่เป็น “สิ่งประดิษฐ์” เท่านั้น  แต่อาจจะหมายถึง “กระบวนการคิด –ขั้นตอนการทำงาน” ก็ได้  ผมขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องข้าราชการทุกคน ที่ทำงาน “ต่างพระเนตร – พระกรรณ” เพื่อความสุขของปวงชนชาวไทย ให้ประสบความสำเร็จ และยึดมั่นในอุดมการณ์ “เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน” อยู่เสมอ

อย่างไรก็ตามกรณีการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลก็จะเร่งแก้ไขปัญหาในอีกหลายเรื่องทั้งวิธีการ, กระบวนการ, การทำกฎหมาย ให้สอดคล้องกับปัจจุบัน และสากล  ทั้งนี้รัฐบาลมีเจตนารมย์ที่มุ่งมั่นและจริงใจที่จะพยายามแก้ปัญหานี้เหล่านี้ให้ได้  จึงขอให้ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ได้ร่วมมือกัน