“WiL” โรงเรียนในโรงงาน” สร้างคนรับภาคอุตสาหกรรม

“WiL” โรงเรียนในโรงงาน” สร้างคนรับภาคอุตสาหกรรม


เป็นอีก 1ในนโยบายของกระทรวงอุตสาหกรรมโดย ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้กล่าวถึง นั่นคือการสร้างคนรองรับภาคอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักเพื่อให้สอดคล้องกับส่งเสริมการลงทุนในรูปแบบของ 10 คลัสเตอร์อุตสาหกรรมที่รัฐบาลได้กำหนดเป็นนโยบาย
ด้วยเหตุนี้คงจะต้องหยิบยกเอาตัวอย่าง 1 ในโครงการของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) มากล่าวถึง ภายใต้ชื่อโครงการว่าโครงการบูรณาการการเรียนกับการทำงาน “วิล” (Work-integrated Learning :WiL)
ดร.กิติพงค์ พร้อมวงค์ เลขาธิการ สวทน. เปิดเผยว่าโครงการ “วิล” ได้จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 5 แล้ว โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษา ซึ่งสวทน.ได้ร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษารับสมัครนักเรียนที่เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาสายสามัญจากโรงเรียนในชนบทมาเข้าโครงการ ซึ่งเด็กที่เข้าร่วมโครงการนี้นอกจากจะได้เรียนจนสำเร็จวุฒิการศึกษาเหมือนนักศึกษาในสถาบันการศึกษาทั่วไปแล้ว ระหว่างที่เรียนยังจะได้รับประสบการณ์จริงจากการทำงานในสายการผลิตของภาคอุตสากรรมขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการ มีการนำเอาความรู้จากงานที่ทำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของบทเรียน ทำให้เกิดความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ และยังได้รับค่าแรงเป็นรายได้ระหว่างเรียนอีกด้วย
สำหรับในปีนี้มีบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ทั้งบริษัทโซนี่ (SONY) ที่ต้องการกำลังคนที่มีความรู้ด้านอิเล็คทรอนิกส์ บริษัทมิชลิน (MICHALIN) และบริษัทกู๊ดเยียร์ (GOODYEAR) ผู้ผลิตยางรถยนต์ยักษ์ใหญ่ที่ต้องการกำลังคนทางด้านเทคนิคและเทคโนโลยี รวมถึงบริษัทชินเอทสึ (SHIN ETSU CHEMEICAL) บริษัทผู้ผลิตซิลิโคนชั้นนำจากญี่ปุ่น
ทั้งนี้บริษัทที่เข้าร่วมโครงการวิล จะสามารถขอรับสิทธิประโยชน์จากนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบคลัสเตอร์ (BOI-Super Cluster) ในการขอรับสิทธิประโยชน์การยกเว้นภาษี ซึ่งเป็นคลัสเตอร์สำหรับกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและเป็นอุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยในปีนี้บริษัทมิชลิน, กู๊ดเยียร์ และ บริษัทชินเอทสึ ได้เข้าร่วมขอรับสิทธิ์ดังกล่าวกับทาง สวทน. ซึ่งมีมูลค่าการลงทุน มากถึง 20,986 ล้านบาท
ในส่วนของการเปิดรับสมัครนักเรียนเข้าร่วมโครงการนั้น จะเปิดรับเด็กที่ต้องการศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) โดยเริ่มจากภาคเหนือแล้วขยายมายังภาคอีสาน ซึ่งทางสวทน.และภาคอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการได้ลงพื้นที่ร่วมกันคัดเลือกนักเรียนซึ่งมีความรู้ความสามารถ เหมาะที่จะเข้าร่วมโครงการผ่านการสอบข้อเขียน การสอบปฏิบัติและการสอบสัมภาษณ์ โดยมีเป้าหมายว่าในปี 2560 นี้ จะมีเด็กเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้นประมาณ 300 คน
อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าว ได้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่มีความต้องการกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศสูง แต่เด็กที่เรียนจบและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางในเรื่องดังกล่าวยังมีไม่เพียงพอที่จะป้อนสู่สายการผลิตในภาคอุตสาหกรรม โครงการนี้จึงเข้ามาตอบโจทย์ในเรื่องการพัฒนากำลังคนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังช่วยให้เด็กในชนบทซึ่งเรียนดีแต่ยากจนได้มีโอกาสเรียนและทำงานไปด้วยในเวลาเดียวกัน ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็ได้กำลังคนที่เชี่ยวชาญและทำงานได้จริง อีกทั้งยังขอรับสิทธิประโยชน์จากนโยบายและมาตรการส่งเสริมการลงทุนเขตพัฒนาเศรษฐกิจในรูปแบบคลัสเตอร์ได้อีกด้วย