ทั้งนี้จำเป็นต้องสร้าง “สะพาน” ซึ่งในที่นี้หมายถึงสิ่งที่จะช่วยให้ “คนไทย” ก้าวข้ามอุปสรรค, ก้าวพ้นกับดัก, ก้าวไปสู่ฝั่งฝันและความหวังของเรา หรือเป็น “ตัวกลาง” สมานความขัดแย้ง และผสานกลุ่มพลังต่างๆ, การประสานการขับเคลื่อน ด้วยกลไก “ประชารัฐ” และการเชื่อมโยง “แบบบูรณาการ” ในระดับต่างๆ ตั้งแต่ระดับนโยบายไปสู่ระดับปฏิบัติ
สำหรับปัญหาที่รัฐบาลได้เปรียบเทียบว่าเป็น“สายน้ำที่เชี่ยวกราก” ซึ่งอยู่ใต้สะพานที่ประเทศไทยจะต้องก้าวข้ามไปนั้น คือ (1) ปัญหาเรื่องคน เช่น ความขัดแย้ง, ความไม่เข้าใจกัน, ความไม่เคารพกฎหมาย ไม่รู้สิทธิและหน้าที่, ความไม่เข้าใจประชาธิปไตย, วัตถุนิยม, บริโภคนิยม
(2) ปัญหาภายในประเทศที่สะสม และปัญหาในอนาคต เช่น ปากท้อง, ความยากจน, ความเหลื่อมล้ำ, ทุจริตคอร์รัปชั่น, การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
(3) ปัญหาภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบ เช่น ยาเสพติด, การก่อการร้าย, สิ่งแวดล้อม โลกร้อน, ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย, มาตรการกีดกันทางการค้า, IUU, ICAO เป็นต้น
และ (4) ปัญหาเรื่องข้อมูลข่าวสาร สารสนเทศ โซเชียลมีเดียซึ่งไม่อาจมองข้ามได้ในปัจจุบัน เนื่องจากมีผลกระทบต่ออารมณ์และการตัดสินใจของพี่น้องประชาชน แต่หากว่ามีการบิดเบือนข้อเท็จจริง, และมีการเข้าไม่ถึงแหล่งข่าวที่ถูกต้อง หรือการประชา สัมพันธ์ หรือการสร้างความเข้าใจของภาครัฐเองที่ยังมีข้อจำกัด เข้าไม่ถึงประชาชน
ในส่วนของรัฐบาล คณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายพร้อมที่จะเป็น “สะพานที่เข้มแข็ง” เพื่อที่จะเป็นตัวกลางช่วยให้ประชาชนได้ก้าวข้ามผ่านวิกฤติต่าง ๆไปได้ ซึ่งพร้อมที่จะ“ลงพื้นที่”ค้นหาข้อเท็จจริง เพื่อสร้างการรับรู้และทำความเข้าใจ โดยน้อมนำ “ศาสตร์พระราชา” คือ “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” มาเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ทุกกลุ่ม
ขณะเดียวกันรัฐบาลและคสช.มีความระลึกอยู่เสมอว่า การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจและเชื่อมั่นนั้น เป็นสิ่งสำคัญในการที่จะเป็น “ที่พึ่งพิง” ให้กับประชาชน ดังนั้น “สะพาน” แห่งนี้ จะต้องมั่นคงด้วยโครงสร้างที่แข็งแรง และด้วยการบริหารบ้านเมืองที่มี “ธรรมาภิบาล” โปร่งใส ตรวจสอบได้ ปราศจากทุจริต
นอกจากนี้รัฐบาลและคสช.ได้มีการสำรวจผลการทำงานอยู่เสมอ เพื่อนำ “จุดแข็ง” ไปขยายผลความสำเร็จ และนำ “จุดอ่อน” ไปปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาไปสู่แนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่ดีกว่า และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เนื่องจากเราไม่อาจหยุดนิ่ง ท่ามกลางโลกที่มีพลวัต เพราะ “การเดินที่ช้ากว่าโลกหมุน” ก็คือ “ความล้าหลัง ไม่ทันสมัย ก้าวไม่ทันโลก”
อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ปัญหาเดิม และวางรากฐานการพัฒนา จนนำไปสู่การปฏิรูปประเทศ ในอนาคตอันใกล้ ทุกอย่างดำเนินการอย่างเป็นขั้นตอน ดำเนินการแก้ปัญหาอย่าง “บูรณาการ”