ดึง“แจ็กหม่า” อาลีบาบา -หัวเหว่ย พี่เลี้ยง พร้อมเปิดโลกธุรกิจไทยสู่อนาคตแห่งยุค 4.0

ดึง“แจ็กหม่า” อาลีบาบา -หัวเหว่ย พี่เลี้ยง พร้อมเปิดโลกธุรกิจไทยสู่อนาคตแห่งยุค 4.0


อ้ายจงจากเว็ปไซต์ Xinhuanet ได้เขียนวิเคราะห์ถึงเรื่องนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจ
โดยสรุปเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่างสองประเทศที่น่าจับตามองไว้ 9 ข้อว่า
การเดินทางมาของ แจ็ค หม่า
ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างสองประเทศดังนี้

1.
ช่วยเหลือและผลักดันเกี่ยวกับ
E-commerce ในไทย ข้อนี้ถือเป็นประเด็นสำคัญเลย
เพราะรู้กันว่าแจ็คหม่าและกลุ่มบริษัทอาลีบาบาของเขา
เป็นยักษ์ใหญ่ด้านนี้ของจีนและของโลกในขณะนี้ เขามีแผนที่จะจ้างคนไทยประมาณ 30 คนเพื่อไปทำงานและเรียนรู้งานในสำนักงานใหญ่ของอาลีบาบา
ระยะเวลา 1-2 ปีเพื่อให้กลับมาถ่ายทอดความรู้ที่ได้จากอาลีบาบาให้กับคนไทย โดยเน้นกลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่โดยเฉพาะ
SMEs

2.
ช่วยเหลือผู้ประกอบการ
SMEs ในการขายสินค้าออนไลน์
โดยเฉพาะส่งมาขายที่จีน

3.เปิดเขตการค้าเสรีไทย
– จีนสำหรับ
SMEs

4.พัฒนานโยบายการนำเข้าส่งออกสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็ก
โดยเน้นการขนส่งโลจิสติกส์ และ
E-payment

5.ผลักดันสินค้าการเกษตรของไทยให้สู่ตลาดจีนและตลาดโลกโดยผ่านช่องทางการค้าขายออนไลน์

ส่วนในเรื่องที่
6. คือการอบรมให้ความรู้ความเข้าใจในเรื่องของ
E-commerce ในพื้นที่ชนบทของไทย โดยสืบเนื่องจากข้อ 5
เพราะส่วนใหญ่ในพื้นที่ชนบทของไทย ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางการเกษตร

7.ผลักดันE-payment
ให้เกิดขึ้นในไทย

8.ช่วยโปรโมทการท่องเที่ยวไทยสำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้มาเที่ยวในไทยมากขึ้น
โดยแจ็คหม่า เน้นย้ำเรื่อง
E-payment โดยเฉพาะ Alipay
ของเขา
ที่จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนสะดวกสบายและมีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นเมื่อมาเที่ยวที่ไทย

อาลีบาบา
มีบริการในเครือที่มีชื่อว่า
Alitrip.com (阿里旅行)ในอนาคตก็สามารถใช้ช่องทางนี้เพื่อโปรโมทการท่องเที่ยวไทยในจีน
เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มาเที่ยวไทยมากยิ่งขึ้นโดยแจ็คหม่าเผยว่าเขาในนามของอาลีบาบา
อยากมีส่วนร่วมในการช่วยไทยคัดกรองคุณภาพนักท่องเที่ยวด้วย

และ
9. แจ็คหม่ามีความสนใจในแผนประเทศไทย 4.0 ของไทย
โดยเขาจะเข้ามาช่วยพัฒนาและทำให้แผนการนี้เป็นจริง

สอดคล้องกับการให้สัมภาษณ์ของ
ดร.สมคิด รองนายกรัฐมนตรีของไทยที่เดินทางไปมอบนโยบายและตรวจงานที่กระทรวงพาณิชย์ในช่วงที่ผ่านมา
ที่เตรียมประสานความร่วมมือผ่าน ดร.อุตม สาวนายน อดีตรมว.ไอซีที ที่จะเชื่อมประสานความร่วมมือจากภาคเอกชนอย่าง
หัวเหว่ย ที่ปักกิ่ง และ อาลีบาบา ที่หังโจว ในด้านดิจิทัล และอีคอมเมิร์ซ
โดยเน้นผู้ประกอบการไทยทั้ง
SMEs และกลุ่ม START
– UP

จึงนับว่าเป็นโอกาสอันดีของภาคธุรกิจไทยที่จะขยับเข้าสู่อนาคตแห่งการค้าในโลกยุค
4.0 ได้รวดเร็วผ่านพี่เลี้ยงและความร่วมมือภาคเอกชนชั้นนำระดับโลกของจีน
ที่จะทั้งเปิดเส้นทางความร่วมมือครั้งสำคัญของสองประเทศ นำไปสู่การขับเคลื่อนภาคธุรกิจในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย
รวมถึงยังจะเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยครั้งสำคัญที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง

 

เครดิตภาพ-
บทความ  จาก 
อ้ายจง

https://www.facebook.com/aizhongchina/ 
https://www.facebook.com/aizhongchina/posts/876975329100698