ขณะเดียวกัน ในเรื่องผลการดำเนินงานเพียง 2 ปี ที่ผ่านมานั้น ของรัฐบาล ก็มีหลักฐานเชิงประจักษ์ ถึง “ความสำเร็จ” ในการทำงาน อาทิเช่น สหประชาชาติ หรือUN ประกาศการจัดอันดับดัชนี e-Government ล่าสุดโดยประเทศไทย มีอันดับขยับขึ้น 25 อันดับจากอันดับที่ 102 ในปี 2014 ขึ้นเป็นอันดับที่ 77 ในปี 2016 โดยเป็นการจัดอันดับจาก 193 ประเทศทั่วโลก ต้องถือว่าUN ให้การยอมรับนโยบายและการดำเนินการของรัฐบาลนี้ในเรื่องการขับเคลื่อนการปรับเปลี่ยนยกระดับกลไกภาครัฐในห้วง 2 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัย Waseda ของประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศผลการจัดอันดับ e-Government ในปี 2016 โดยประเทศไทยได้อันดับที่ 21 จาก 65 ประเทศ ขยับขึ้น 2 อันดับ จากปี 2014 ได้อันดับที่ 23 โดยรวมถือว่าเป็นภาพความก้าวหน้า สะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินนโยบายภาครัฐของไทยนั้นดีขึ้นจากการจัดอันดับของ2 สถาบันหลักซึ่งเป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ
รวมไปถึงการที่สถาบันและองค์กรต่างๆ ทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ได้ประเมิน สถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทย อยู่ในเกณฑ์ “ดีที่สุด” ในรอบ 6 ปี มีภาพลักษณ์โปร่งใส “ดีที่สุด” ในรอบ 10 ปี
อย่างไรก็ตาม คสช.และรัฐบาล ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกคนที่ 2 ปีมานี้ ต่างให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี กระตือรือร้นช่วยกันรักษาความสงบเรียบร้อย แก้ไขปัญหา และพัฒนาประเทศ รวมทั้งหน่วยงานต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนในการร่วมมือกัน ดังปรากฏให้เห็นในโครงการพัฒนาที่เรียกว่าสานพลังแนวทาง “ประชารัฐ” เพื่อช่วยเสริมโครงการของรัฐในด้านที่ต่างๆตนถนัด
ที่มา : Thaiquote