สำนักข่าว Thaiquote สืบค้นข้อมูลผ่านหน่วยงานเพื่อสังคมถึงธุรกิจขอทานในเมืองไทย
ก็ต้องพบกับความน่าตระหนกว่า ขอทานบางคนมีเงินเก็บหลายล้านบาท ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดเพราะเงินที่ได้มาจากการบริจาคด้วยความเต็มใจ
แต่เนื่องจากรายได้ดังกล่าวได้มาโดยง่ายแลกกับความสงสารของคน กลายเป็นช่องว่างให้ขบวนการค้ามนุษย์จากประเทศเพื่อนบ้านนับหมื่นคน
เล็ดลอดเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย รวมกลุ่มเช่าบ้านตามชุมชนแออัด (ราคาค่าเช่า
500-2,000 บาท/เดือน) ขโมยเด็กมาบังคับให้ขอทานตามจุดต่าง ๆ หรือไม่ก็ว่าจ้างเด็กจากพ่อแม่ที่ยากจนเป็นรายวัน
ๆละ 20 บาท ปล่อยตามจุดที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่น อาทิ ห้างสรรพสินค้า ตลาดนัด
สถานีขนส่ง ฯลฯ ขอทานตั้งแต่ 7 โมงเช้าจนถึง 3 ทุ่ม โดยมีเป้าหาเงินให้ได้ไม่ต่ำกว่า
200 บาท ใครทำไม่ได้ก็จะถูกลงโทษตามผลงาน
โดยเฉพาะเด็กในสังกัดที่ไม่ได้ว่าจ้างจากข้างนอก
แต่โดยเฉลี่ยถ้าอยู่ในทำเลหนาแน่น เด็กแต่ละคนจะมีรายได้เฉลี่ย 700-1,500
บาท/คน/วัน ทำให้แก๊งค์ขอทานแพร่ระบาดจนกำจัดไม่หมด มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ
100-150 ล้านบาทต่อปี สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของเมืองไทยทั้งในด้านการท่องเที่ยวและอาชญากรรม
แม้จะมีการณรงค์ให้เลิกบริจาคทานกับคนเหล่านี้
แต่เพียงพักเดียวผู้คนก็ควักเศษเหรียญหยอดขันเก่า ๆเหล่านั้นด้วยความสงสาร โดยหารู้ไม่ว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้นอาจเป็นบาป
ไม่ใช่ บุญ
ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้นแต่ในต่างประเทศ
โดยเฉพาะประเทศร่ำรวยอย่างตะวันออกกลาง ก็มีขอทานแพร่ระบาด ยกตัวอย่างนครดูไบ
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แม้จะมีการจับกุมอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ไม่หมดสิ้น เนื่องจากรายได้อันเย้ายวน
ชนิดที่ว่าเห็นตัวเลขแล้วต้องอึ้งกิ่มกี่กันเลยทีเดียว เพราะรายได้ของขอทานย่านเศรษฐกิจในดูไบบางคนทำรายได้มากถึง
2.59 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งขอทานในดูไบเป็นคนต่างชาติที่ขอวีซ่าเข้าไปท่องเที่ยวได้ครั้งละ
3 เดือน เท่ากับว่ามีโอกาสทำเงินได้ถึง 6 ล้านบาทก่อนกลับบ้าน โอว!!! เห็นตัวเลขแบบนี้เลยไม่แปลกใจว่าทำไมถึงกล้าเสี่ยงคุกเข้าไปขอทานในตะวันออกกลาง
ที่มา : thaiquote