ปรับลุค..พลิกเกษตรกรปั้นสู่ “เถ้าแก่”

ปรับลุค..พลิกเกษตรกรปั้นสู่ “เถ้าแก่”


มูลค่าของสินค้าเกษตรนั้นสูงมากแต่ที่ผ่านมาถูกคนกลางหยิบไปต่อยอด
ยกตัวอย่างมะพร้าวในซุปเปอร์มาร์เก็ตของเกาหลีขายลูกละ   70 บาท หรือกล้วยหอมที่คนมีไอเดียหยิบไปขายในคอนวีเนียนสโตร์ลูกละ
8 บาท ถ้า 1 หวีมี 15 ลูกเท่ากับว่ามีรายได้จากกล้วยหวีนั้น 120 บาท
ถ้าเกษตรกรรู้จักการต่อยอดเอง มูลค่าเพิ่มเหล่านี้ก็จะไม่ตกไปอยู่ในมือคนอื่น ที่น่าตกใจว่ากว่า
30 ปีที่ผ่านมาเกษตรกรถูกปล่อยปละละเลย
และฝากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไว้กับสินค้าอุตสาหกรรมเป็นหลัก
เกิดเป็นความไม่สมดุลเชิงโครงสร้าง ถึงเวลาต้องปรับเปลี่ยน

                 นี่คือจุดเริ่มต้นในการปล่อยงบประมาณเพื่อปฏิรูปเกษตรกร
3.5 หมื่นล้านบาทผ่านกองทุนหมู่บ้านเพื่อสร้างเกษตรกรแห่งอนาคต โดยให้แต่ละชุมชนเสนอโครงการเข้ามาว่าอยากทำอะไร
ใช้นวัตกรรมอย่างไร แรงเหวี่ยงนี้ดูมีน้ำหนักยิ่งขึ้นเมื่อเมื่อกระทรวงไอซีทีได้รับอนุมัติงบประมาณ
2 หมื่นล้านบาท ทำระบบอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศ 
ให้ทุกพื้นที่สามารถค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซติดต่อกับทั่วโลกได้เลย ยกระดับเป็นเกษตรกรอีคอมเมิร์ซ

“เรากำลังอยู่ระหว่างดำเนินการผลักดันให้ประชารัฐมีส่วนร่วมในการจัดสรรงบประมาณของประเทศ
ซึ่งอยากให้ดำเนินการให้ได้ภายใน 1 ปีครึ่ง เพราะหากเร่งดำเนินการได้เชื่อว่าจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มมหาศาล
เพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งเราเรียกโมเดลนี้ว่าประเทศไทย
4.0 ที่จะเดินหน้าโดยการเกษตร ไปสู่อุตสาหกรรมเบา อุตสาหกรรมหนัก และต่อยอดไปสู่นวัตกรรม
เป็นการสร้างนักรบเชิงธุรกิจใหม่” ดร.สมคิด กล่าว

เพิ่มน้ำหนักด้วยการเชิญชวนบริษัทเอกชนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
มาร่วมให้การสนับสนุนกิจการขนาดเล็ก ด้วยการให้ความรู้ ให้คำปรึกษา พัฒนาศักยภาพ พัฒนาผลิตภัณฑ์
 รวมทั้งสนับสนุนการเติมทุนหมุนเวียน

                 แต่ละหมู่บ้าน แต่ละตำบลมีจุดแข็งของตัวเอง
สร้างสินค้าสร้างแบรนด์แล้วนำไปขายในตลาดโลก คือการสร้างเกษตรกรไปสู่ความเป็นเลิศ
ไม่ใช่เกษตรกรธรรมดา แต่สามารถค้าขายได้โดยไม่ต้องผ่านคนกลาง
หรือก้าวหน้าถึงขั้นเป็นเจ้าสัวได้ก็ยิ่งดี

                และนี่คือปรากฏการณ์สำคัญที่เกิดขึ้น
จากแนวคิดในการบริหารประเทศของรัฐบาลในชุดปัจจุบัน ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์
จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ส่งการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากโดย ดร.สมคิด
จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี
เพียงเพื่อหวังให้การเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเติบโตจากภายในแข็งแกร่ง
มั่งคั่งอย่างยั่งยืนในอนาคต