เปิดมุมมองนักธุรกิจไทยต่อผู้นำใหม่เมียนมาร์

เปิดมุมมองนักธุรกิจไทยต่อผู้นำใหม่เมียนมาร์


เริ่มต้นที่ บรรพต ก่อเกียรติเจริญ
ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตาก
มองว่าข้อดีของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือ การก้าวเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยของเมียนมาร์
สอดรับกับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อย่างไรก็ตามในฐานะนักธุรกิจชายแดนคงต้องใช้เวลาปรับตัว
1-2 ปี จึงจะเห็นภาพชัดเจนว่าการค้าชายแดนจะแตกต่างจากที่ผ่านมาอย่างไร รวมถึงการเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ก็คงต้องรอดูสถานการณ์อีกระยะหนึ่ง

ขณะที่ ดร.อนุรัตน์ อินทร
ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย
กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นน่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าด่านแม่สาย
จังหวัดเชียงรายให้มากขึ้น จากปัจจุบันที่มีมูลค่าการค้าประมาณ  1.8 หมื่นล้านบาทต่อปี วันก่อนหอการค้าจังหวัดเชียงรายได้ประชุมร่วมกับหอการค้าจังหวัดท่าขี้เหล็ก
ประเทศเมียนมาร์ ในการร่วมมือกันพัฒนาการค้าชายแดนให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น
ซึ่งประธานหอฯท่าขี้เหล็กให้ความมั่นใจว่าทิศทางการค้ามีแนวโน้มที่ดีแต่ขอรอดูนโยบายจากรัฐบาลก่อน
อย่างไรก็ตามแผนงานต่าง ๆที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
เช่นการจัดงานแสดงสินค้าไทยในจังหวัดท่าขี้เหล็กเดือนพฤษภาคมก็ยังคงจัดตามกำหนดเดิม
โดยจะมีสินค้าจากภาคเหนือและภาคกลางเข้าร่วมจำนวนมาก
ในขณะที่นักธุรกิจจังหวัดเชียงรายก็มีความมั่นใจจะเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์มากขึ้น   

และ สุดาพร ยอดพินิจ
ประธานหอการค้าจังหวัดระนอง
กล่าวว่าในมุมมองส่วนตัวเชื่อว่าแนวโน้มของเมียนมาร์นับจากนี้จะเป็นไปในทิศทางที่ดี
การเข้าไปลงทุนจะมากขึ้น ภาพรวมการค้าชายแดนก็น่าจะดีขึ้น
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการทำงานของรัฐบาลใหม่ด้วยว่าจะทำได้ดีแค่ไหน
เพราะเขาปิดประเทศมานาน เมื่อกลับมาเปิดอีกครั้งก็คงมีความไม่สะดวกสบายหลายอย่าง
ต้องใช้ฝีมือในการบริหารจัดการพอสมควร อย่างไรก็ตามภาพต่าง ๆจะชัดขึ้นคงต้องให้เวลารัฐบาลบริหารประเทศอย่างน้อย
3-6 เดือน

และนี่คือความคิดเห็นที่เกิดขึ้นจากภาคธุรกิจการค้าการลงทุนของไทย
ที่มีต่อผู้นำคนใหม่ของประเทศเมียนมาร์