พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวอวยพรปีใหม่กับประชาชนชาวไทยผ่านในรายการคืนความสุขให้คนในชาติว่า ปีใหม่นี้ขอคนไทยทุกคนช่วยกันก้าวข้ามความขัดแย้ง คดีความต่างๆ ก็ให้กฎหมายผ่านกระบวนการยุติธรรม ขอให้ปีใหม่นั้นเป็นปีแห่งความสุข ความสมหวัง อนาคตที่สดใส เป็นปีแห่งการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศ เสริมสร้างความรักความสามัคคีของคนในชาติเพื่อจะช่วยกันสร้างสรรค์และพัฒนาบ้านเมืองของเราให้มีความสงบสุข
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง“มนุษย์เพนกวิน” หรือนายเอกชัย วรรณแก้ว ตัวอย่างของผู้พิการที่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิตแม้จะไร้แขนทั้งสองข้าง แต่สามารถพิชิตยอดเขาคิลิมันจาโร ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกามีความสูงกว่า 5,895 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เพื่อวาดภาพพระบรมสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 88 พรรษา ตนอยากให้ดูเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยได้อดทน มีกำลังใจเพื่อจะเป็นพลังขับเคลื่อนในการปฏิรูปประเทศ
จากนั้นได้กล่าวต่อถึงการลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดสงขลาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาเพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานต่าง ๆตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล อาทิโครงการ Rubber City มูลค่ากว่า 1,670 ล้านบาท ณ ศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึงได้จัดตั้งมานานแล้วแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จสูงสุด รัฐบาลก็เข้ามาสานต่อผลักดัน ขยายผลการสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบคลัสเตอร์ ที่ต้องอาศัยการเชื่อมโยงภาคธุรกิจอื่นๆด้วย รัฐบาลตั้งเป้าไว้ว่าในปี 2564 จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุนโรงงานยางพารา ไม่ต่ำกว่า 70 ราย มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 8 พันล้านบาท รวมถึงมาตรการส่งเสริมความเข้มแข็งให้กับอุตสาหกรรมยางพาราและอุตสาหกรรมต่อเนื่องซึ่งจะเกิดผลตามมามากมายเพราะเป็นวิธีการแก้ปัญหายางอย่างยั่งยืน
“ผมได้ย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาช่องทางและสร้างแรงจูงใจในการดึงดูดนักลงทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพาราแห่งนี้ โดยเราได้มีการพิจารณาสิทธิพิเศษ มาตรการด้านภาษี การพัฒนาด้านคมนาคมขนส่งทั้งทางบกและทางทะเล ตลาดในการส่งออกและด้านแรงงานนะครับ…….”
พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงการไปเยี่ยมชมโครงการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพารา ที่บ้านของ นายวิสูตร คันธรักษา สมาชิกสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด ว่าเป็นโครงการที่น่าชื่นชมน่ายินดีแล้วก็เป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตามมาตรการส่งเสริมของรัฐบาลในปัจจุบัน ในการที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเกษตรกรโดยความสมัครใจ โดยไม่ยึดติดกับการเพาะปลูกพืชเชิงเดี่ยว การใช้ประโยชน์พื้นที่ให้สูงสุด ไม่ปล่อยให้พื้นที่ว่างเปล่า สามารถปลูกพืชอื่นหรือเลี้ยงสัตว์เป็นอาชีพเสริมควบคู่กันไปได้ ซึ่งจะได้คู่ขนานไปกับรายได้จากพืชผลหลักซึ่งต้องรอเวลาในการที่จะผลิตออกมา นี่แหละเป็นสิ่งที่ตนอยากจะให้พี่น้องชาวเกษตรกรเข้าใจ ไม่ต้องการจะไปบังคับให้เปลี่ยนพฤติกรรมแม้แต่นิดเดียวนะครับ เป็นเจตนาของตนที่ต้องการจะให้ทุกคนนั้นมีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำรงชีพในวันนี้ และในอนาคต
“อยากให้แนวทางไว้ดังนี้นะครับว่า ทุกกระทรวงที่เป็นเจ้าภาพหลักไม่ว่าจะเกษตร หรือมหาดไทยก็ตาม น่าจะต้องไปทำแปลงตัวอย่างเกิดขึ้นในทุกหมู่บ้านนะครับ ตรงไหนที่จะปลูกพืชแซมตรงไหนที่จะปลูกไม้ยืนต้น หรือเลี้ยงสัตว์อะไรเหล่านี้ ถ้าทำตัวอย่างตามหมู่บ้านเหล่านี้ วันหน้าผมคิดว่าทุกคนก็ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเองแหละ เราต้องเพิ่มมูลค่าให้กับที่ดินและทรัพย์สินที่มีอยู่เดิม อย่าไปขายนะครับ ถ้าไม่ทำแบบนี้ วันหน้าก็ต้องขายที่ดินอยู่ดีแล้วก็ต้องไปเช่าเขากลับมาอีก มันเป็นทางเลือกวันนี้ขอให้ทุกคนพยายามศึกษารายละเอียดนะครับ”
จากนั้นนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวยกตัวอย่างเพิ่มเติมจากกรณีการปลูกแตงกวาของ คุณประคองฯ เกษตรกร บ.วังนาแหน ต.บ่อไทย อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ที่สร้างรายได้เดือนละ 2 แสน ยังมีกรณีของการเลี้ยงปลาหนังลูกผสมบึกสยามแม่โจ้ ของเกษตรกร ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นพันธุ์ปลาที่ได้จากการวิจัยพัฒนาโดยนำเอาข้อดีของปลาสวายและปลาบึกมารวมกัน ยังมีเรื่องการปลูกดาวเรืองของชาวบ้าน ต.รำแดง อ.สิงหนคร จ.สงขลา ที่ใช้พื้นที่เพียง 1 ไร่ สร้างรายได้มากถึง 50,000 บาทต่อเดือน จนทำให้หลายครอบครัวหันมาปลูกดอกดาวเรืองเป็นอาชีพหลักแทนการทำนา เรื่องของฟาร์มเห็ดในพื้นที่เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เห็ดนางฟ้าฮังการี เห็ดนางฟ้าภูฏาน และเห็ดโคนญี่ปุ่นสามารถส่งรายได้เดือนละ 70,000-80,000 ก้อนๆ ละ 6-8 บาท รวมถึงเรื่องการปลูกผักหลายชนิดส่งขายตลาดสี่มุมเมืองและตลาดไท
“วันนี้ผมให้มีการจัดตั้งตลาดชุมชน ตลาดสี่มุมเมือง ตลาดกลางทุกจังหวัดนะครับ กำลังขยายอยู่ ถ้าสมารถปลูกกันได้ เอามาขายที่นี่ส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็ส่งพ่อค้าคนกลางไป คัดดี ๆมาขายให้ได้ราคา เพื่อจะเลี้ยงชีพรายวัน ที่เหลือก็ขายส่งไป ผมคิดว่ารัฐบาลเจ้าหน้าที่พยายามอย่างเต็มที่ในการที่จะส่งเสริมก็ขอความร่วมมือให้สนใจ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เราด้วยนะครับให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ผมกราบเรียนว่าเราน่าจะต้องใช้วิธีการของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเรื่องของเกษตรทฤษฎีใหม่ที่มี 3-3-1 ถึงจะเกิดเครือข่ายในกลุ่มของท่าน สร้างความเข้มแข็งของท่านเอง มีอำนาจในการต่อรอง อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องคิดไว้แล้วต้องทำแล้วตั้งแต่วันนี้”
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึง “ศูนย์การเรียนรู้ของชุมชน” ซึ่งจะต่อเนื่องเชื่อมโยงกับศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์การเกษตรของกระทรวงเกษตรในการสร้างความเชื่อมโยงของประชาชน ของรัฐ แลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน โดยได้ระบุว่าเราจะได้สร้างการเรียนรู้ให้กับพี่น้องเกษตรกรทั้งประเทศได้ด้วยให้มีทางเลือกในการประกอบอาชีพ ที่สุจริต มีการพัฒนาปรับเปลี่ยนตัวเอง และตนอยากเห็น การแสวงหาความรู้ มากกว่าใช้ประสบการณ์อย่างเดียว เราจะต้องส่งเสริมการทำงานร่วมกันในรูปแบบ “ประชารัฐ” ตนได้พูดบ่อยกคำว่าประชารัฐ เพราะว่าประชาชนจะเป็นผู้ที่กำหนดอนาคตของตนเองด้วย แล้วรัฐเป็นผู้สนับสนุน ในแต่ละพื้นที่รัฐบาลมีศูนย์อยู่แล้ว “ศูนย์บริการประชาชนด้านการเกษตร” เป็นสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขต 9 แห่ง สำนักงานเกษตรจังหวัด 77 แห่ง สำนักงานเกษตรอำเภอ 882 แห่ง ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรอีก 36 แห่ง และศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยี การเกษตร 14 แห่ง รวมทั้งสิ้น 1,018 แห่งทั่วประเทศ ได้มีการทำแล้ว ข้อสำคัญรวมกลุ่มกันให้ได้ มันเป็นการทำให้ศักยภาพในการต่อรอง การกำหนดราคา
มาถึงเรื่องสำคัญอีกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงคือ เรื่องการพักผ่อนช่วงปีใหม่โดยระบุว่าขอให้การเฉลิมฉลองปีใหม่อย่างระมัดระวัง ทั้งเรื่องของการเดินทาง การขับขี่รถ ต้องไม่ดื่มสุราเพราะเป็นเหตุทำให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมระบุว่าได้ส่งมอบของขวัญจากคสช.ให้ประชาชนในการลงโทษสำหรับผู้ที่ทำความผิดในเรื่องการขับขี่ ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหรือได้รับบาดเจ็บ และยังมีเรื่องของปัญหาเด็กแว้น การทะเลาะตีกันสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยรวม
ตอนท้ายของรายการพล.อ.ประยุทธ์ ยังได้กล่าวว่าขอให้ประชาชนเดินทางสัญจรโดยปลอดภัย มีความสุข สดชื่น ผมก็จะเตรียมพร้อมดูแลท่านผมคงไม่ได้ไปไหนอยู่แล้วนะ แล้วปีหน้าผมก็จะให้ของขวัญตัวเองเหมือนกัน ปีหน้าผมจะพูดให้น้อยลง หงุดหงิดน้อยลง ทะเลาะกับนักข่าวน้อยลง ต้องทำตัวเป็น Good Guy แล้วนะ ไม่ได้แล้ว 2 ปีแล้ว ที่ผมดุเดือดมาหน่อย 2 ปีเพราะว่าเป็นช่วงเริ่มต้นไง เพราะงั้นช่วงปีต่อไปเป็นเรื่องการปฏิรูป ผมบอกแล้วทุกอย่างต้องเริ่มจากตัวเองก่อน ผมปฏิรูปตัวผมเองด้วย ทุกคนที่ทำให้ผมหงุดหงิด ทำให้ผมต้องพูดเยอะ ปฏิรูปตัวเองด้วยนะ อย่าให้ผมทำคนเดียว