ตรวจความพร้อมเคาน์ดาวน์สู่เออีซี

ตรวจความพร้อมเคาน์ดาวน์สู่เออีซี


แน่นอนว่าเรื่องนี้มีการวิเคราะห์จากหลายฝ่ายมองว่า
ประการแรก
ไทยจะมีหน้ามีตาและฐานะเด่นขึ้นประชาคมอาเซียนจะทำให้เศรษฐกิจของไทยมีมูลค่ารวมกัน
1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐและมีขนาดใหญ่อันดับ 9
ของโลก ยังประโยชน์แก่คนไทยทุกคน ประการต่อมาการค้าระหว่างไทยกับประเทศอาเซียนจะคล่องและขยายตัวมากขึ้น
กำแพงภาษีจะลดลงจนเกือบหมดไปเพราะ
10 ตลาดกลายเป็นตลาดเดียว ผู้ผลิตจะส่งสินค้าไปขายในตลาดนี้และขยับขยายธุรกิจของตนง่ายขึ้น
ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็จะมีทางเลือกมากขึ้นราคาสินค้าจะถูกลง

ประการที่สาม ตลาดการค้าของไทยจะใหญ่ขึ้นแทนที่จะเป็นตลาดของคนเพียง 70 ล้านคน ก็จะกลายเป็นตลาดของคนกว่า 600 ล้านคนซึ่งจะทำให้ไทยกลายเป็นแหล่งลงทุนที่น่าสนใจ เพราะสินค้าที่ผลิตในประเทศสามารถส่งออกไปขายกลุ่มประเทศอาเซียนได้ราวส่งไปขายต่างจังหวัด
ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับจีนและอินเดียในการดึงดูดการลงทุนได้มากขึ้น  ประการที่สี่ความเป็นประชาคมจะทำให้มีการพัฒนาเครือข่ายการสื่อสารคมนาคมระหว่างกันเพื่อประโยชน์ด้านการค้าและการลงทุน
แต่ก็ยังผลพลอยได้ในแง่การไปมาหาสู่กัน
ซึ่งก็จะช่วยให้คนในอาเซียนมีปฏิสัมพันธ์กัน รู้จักกันและสนิทแน่นแฟ้นกันมากขึ้น
เป็นผลดีต่อสันติสุข ความเข้าใจอันดีและความร่วมมือกันโดยรวม นับเป็นผลทางสร้างสรรค์ในหลายมิติด้วยกัน  ประการสุดท้ายการที่ไทยตั้งอยู่ในจุดกึ่งกลางบนภาคพื้นแผ่นดินใหญ่อาเซียนย่อมได้รับประโยชน์จากปริมาณการคมนาคมขนส่งที่จะเพิ่มขึ้นในอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับจีน

(และอินเดีย) มากยิ่งกว่าประเทศอื่นๆ บริษัทด้านขนส่ง คลังสินค้า
ปั๊มน้ำมัน ฯลฯ จะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจน

ขณะที่
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่าไทยเป็นประเทศขนาดเล็กที่ถูกกำหนดด้วยข้อผูกพันทางการค้าระหว่างประเทศ
การเพิ่มบทบาทของไทยในเวทีโลกจะต้องให้ความสำคัญกับการรวมตัวกันเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนดังนั้นการพัฒนาประเทศในระยะต่อไป
รัฐบาลให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้ภาคเอกชนไปลงทุนในต่างประเทศ
โดยเฉพาะในอาเซียนขณะนี้นโยบายที่รัฐบาลเดินหน้าคือการส่งเสริมการเชื่อมโยงระหว่างไทยกับภูมิภาคเช่น
การร่วมมือกับจีนในการพัฒนารถไฟทางคู่
2 เส้นทาง
และการผลักดันนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อทำให้เศรษฐกิจไทยเชื่อมโยงกับภูมิภาคได้มากขึ้น
รวมทั้งสามารถสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆที่เป็นประโยชน์ในพื้นที่ได้

นอกจากนี้ยังได้มีการกำหนดยุทธศาสตร์
6 ด้านอันประกอบด้วย (1) เสริมสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับประชาคมอาเซียน  (2) ยกระดับคุณภาพและสร้างโอกาสทางการศึกษา (3)
ผลิตกำลังคนให้มีทักษะสอดรับกับตลาดแรง งานอาเซียน (4)
มีการพัฒนาการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (5)
มีการพัฒนากลไกที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับการเคลื่อนย้าย/แลกเปลี่ยน และ (6)
เสริมสร้างเครือข่ายระหว่างกันในภูมิภาค

ทั้งนี้จะมีการจัดตั้ง
ศูนย์อาเซียนศึกษาจำนวน
447 ศูนย์ ทั่วประเทศ
เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาในระดับมัธยมศึกษาสู่ความเป็นนานาชาติ
รองรับนักเรียนไทยและนักเรียนต่างชาติในประชาคมอาเซียน
ให้สอดคล้องกับโครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค
และให้มีการเทียบเคียงกรอบคุณวุฒิแห่งชาติ สู่กรอบคุณวุฒิอ้างอิงอาเซียน นอกจากนี้จะมีการตั้งศูนย์ที่เสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการเรียนการสอนภาษาอังกฤษด้วย
ให้กับผู้เรียน ทั้งระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
ระดับเขตพื้นที่และภูมิภาคทั่วประเทศ รวมทั้งโครงการการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม
และบรรจุเนื้อหาในโครงการลดเวลาเรียนเพิ่มเวลารู้ เป็นต้นสำหรับภาษาประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ
เช่น จีน ญี่ปุ่น หรือภาษาอาเซียน อื่นๆก็จะเร่งดำเนินการควบคู่กันไปให้สอดคล้องกับความจำเป็นและความต้องการ
ทั้งยังพัฒนาและยกระดับภาษาแก่กำลังคนอาชีวะ

สำหรับมาตรการทางเศรษฐกิจ
นอกจากการสร้างเสถียรภาพด้วยการรักษาความสัมพันธ์ ความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน
และประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแล้ว ต้องแสวงหาความร่วมมือใหม่
เปิดตลาดใหม่ที่มีความสำคัญมากได้แก่ 1) การขยายความร่วมมือเพื่อนบ้านและอาเซียนบนพื้นฐานของการพึ่งพาและผลประโยชน์ร่วมกัน
อย่างเท่าเทียม ได้บรรลุเห็นชอบร่วมกันในเรื่องต่าง ๆ หลายเรื่องเช่น
การผลักดันเป้าหมายขยายปริมาณมูลค่าการค้าและการลงทุนของสองประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 3
เท่า ประมาณ 5
,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 5 ปี, การเชื่อมโยงกับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งสองฝั่ง, การอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร การคมนาคม การเพิ่มปริมาณการเดินรถ
การเชื่อมโยงทางบกและเส้นทางรถไฟ เพื่อผลักดันให้ปริมาณการค้าสินค้าของสองประเทศเพิ่มมากขึ้น
นอกจากนั้นได้หารือเกี่ยวกับเรื่องการท่องเที่ยว พลังงาน แรงงาน การเกษตร
และสาธารณสุข การแพทย์นะครับ ภายใต้แนวคิดและนโยบาย
Thailand + 1 เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามาในประชาคมของเรา ที่เป็นตลาดขนาดใหญ่มีประชากรรวมกว่า
600 ล้านคน

2)
ในเรื่องของการรักษาตลาดที่มีอยู่แล้วเดิม อาทิเช่น การส่งเสริมการค้า การลงทุน
การอำนวยความสะดวกการค้าการลงทุน การสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย
จีน ที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดัน ด้านการค้าการลงทุน
และความร่วมมือด้านเศรษฐกิจในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ทั้งสองประเทศนะครับ ได้มีการตั้งกลไกการประสานงาน
เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ในด้านการค้าและการลงทุน มีการลงนามกรอบความร่วมมือ เพื่อกระชับความร่วมมือ
อาทิเช่น
(1) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟ
ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558 –
2565 และ (2) การซื้อขายข้าว 1 ล้านตัน และยางพารา 2 แสนตัน (3)
ส่งเสริมการท่องเที่ยว ตั้งเป้าหมายนักท่องเที่ยวจีน 10 ล้านคนในปีหน้า

3)
รวมความถึงการเปิดตลาดใหม่ อาทิเช่น ส่งเสริมความร่วมมือไทยกับประเทศต่างๆ
ในหมู่เกาะแปซิฟิก ตะวันออกกลาง แอฟริกา และประเทศอินเดีย รัสเซีย
กลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม ในเรื่องของความร่วมมือ ทางด้านการเกษตร ประมง
สุขอนามัยและสุขอนามัยพืช การพัฒนาการเกษตร และสาขาอื่นๆ ที่สองฝ่ายสนใจร่วมกัน
แลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน

การเปิดประชาคมอาเซียนจะยังผลต่อประเทศไทยในหลายประการด้วยกัน
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคงขึ้นอยู่กับคนไทยว่าได้เตรียมพร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างไร
นั่นคือเรื่องที่น่าคิด