โดยแนวทางการเสริมสร้างศักยภาพให้กับ SMEs ไทย กับทิศทางการเติบโตที่ตั้งเป้าหมายไว้ ให้เป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนตัวเลข GDP ที่มีเป้าหมายให้เติบโต 3.7-4.7 % โดยอาศัยหลักการสำคัญ คือการกระตุ้นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรม เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้ และผลผลิต
โดยเฉพาะในภาค
SMEs กว่า 80% ที่เป็นภาคอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ของประเทศ!
“สมชาย หาญหิรัญ”
อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยผ่าน “THAI
QUOTE” ถึงแนวทางการดำเนินการของกรมฯ
ภายใต้นโยบายจากรัฐบาล และกระทรวงอุตสาหกรรม ในปี 2559 กับการเข้าไปช่วยเหลือและเสริมสร้างศักยภาพของ
SMEs
ไทยว่า “โดยปกติตัวเลขการเติบโตของ SMEs
เติบโตอยู่ที่ประมาณ 4-54% ต่อปี ปี 2559 ทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
จะเน้นเรื่องของการหาตลาด และการดูทิศของตลาด และนำมาเอามาพัฒนาภาคธุรกิจ
SMEs ของไทย ให้ตอบสนองต่อตลาด
รวมถึงการลงไปดูเรื่องของกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับ INNOVATION ซึ่งจะช่วยให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ ในภาคอุตสาหกรรมของไทย ที่จะเน้นไปที่กลุ่ม
START UP คือ กลุ่มที่จะเข้ามาเริ่มต้นสร้างนวัตกรรม
ส่วนในกลุ่ม
REGULAR
ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีประสบการณ์อยู่แล้ว
ก็จะไปช่วยดูในเรื่องของการปรับปรุงพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์ เรื่องของคุณภาพ
เรื่องของแพ็คเก็จจิ้ง และเรื่องของต้นทุนการผลิต ให้สามารถที่จะแข่งขันได้
เพราะในปี 2559 ที่จะถึงนี้ เชื่อว่าแนวทางการตลาดน่าจะมีการแข่งขันสูง โดยเซคเตอร์ที่ให้ความสำคัญและเน้นเป็นพิเศษในปี
2559 นี้ คือกลุ่มอาหาร ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องนุ่งห่ม แฟชั่น (รวมคลัสเตอร์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด)
สุดท้ายกับการให้ความช่วยเหลือกลุ่ม
SMEsที่ยังคงมีปัญหา โดยเข้าไปดูแลใกล้ชิด ให้คำปรึกษา และแก้ปัญหาในด้านต่างๆ
พร้อมการเสริมสร้างศักยภาพการแข่งขัน เพราะในปี 2559
ทิศทางการตลาดจะมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างรวดเร็ว
ในกลุ่มนี้คงต้องดูและอย่างใกล้ชิดมากขึ้น”อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมกล่าว
จากแนวทางการส่งเสริม
ช่วยเหลือ สนับสนุน และส่งเสริมศักยภาพภาค SMEs
ของไทยให้แข็งแกร่ง ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในปี 2559 ซึ่งเป็นปีที่ภาค SMEs จะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
และเป็นหนึ่งในกลจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินหน้า สู่การสนับสนุนทางด้าน “การเงิน”
ทั้งในด้านของการแก้ไขปัญหา และการเสริมสภาพคล่องซึ่งเป็นอีกหนึ่งในแนวทางสำคัญเพื่อผลักดัน
ให้ SMEs สามารถยืนหยัดรองรับทิศทางการพัฒนาในปี 2559
ได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน
“สาลินี
วังตาล”ประธานกรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SMEsแบงค์) และผู้อำนวยการ
สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(สสว.)กล่าวว่า
“ในปี 2559 ที่จะถึงนี้ เรื่องของการให้การสนับสนุนและช่วยเหลือภาค
SMEs จะมีการเข้าไปทำการวินิจฉัยปัญหาอย่างใกล้ชิด
โดยทางสสว.ได้ทำข้อตกลงกับสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ที่มีโปรแกรมวินิจฉัยปัญหาของ
SMEs โดยมีงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท จาก สสว. เพื่อมาดำเนินการในด้านนี้
และรัฐบาลได้อนุมัติแล้ว เบื้องต้นกำหนดไว้กว่า 50,000 ราย เฉลี่ยแล้วรายละประมาณ
2 หมื่นบาท และจะเริ่มต้นได้ในช่วงต้นปี
2559 นี้ และพยายามทำให้รวดเร็วที่สุด
ขณะที่ในส่วนของ SMEsแบงค์เอง
มีงบประมาณสำหรับสินเชื่อกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือเสริมสร้างศักยภาพของ SMEsให้สามารถแข่งขันได้ในปีหน้า!!
นอกจากนี้
ยังมีการเชิญผู้ประกอบการกว่า 60 รายร่วมกับคณะของ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์
รองนายกรัฐมนตรีเดินทางไปดูงานในประเทศญี่ปุ่น โดยเน้นภาคธุรกิจ ที่ทางญี่ปุ่นมีดีมานด์อาทิ
ในกลุ่มอาหารแปรรูป และกลุ่มเครื่องแต่งกาย แฟชั่นดีไซน์เป็นต้น และจะมีกลุ่มผู้ประกอบการใหม่หรือ
START
UP ร่วมไปกับคณะด้วย นายกรัฐมนตรี
เพื่อไปศึกษาหาแนวทางและสร้างเสริมประสบการณ์โดยในปี 2559 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับธุรกิจประเภท
E-COMERCES ซึ่งจะมีความสำคัญมาก
อย่างไรก็ตาม
ทิศทางการเจริญเติบโตของ SMEs ในปี 2559 ที่จะถึงนี้
มีแนวโน้มค่อนข้างดี และเป็นไปตามทิศทางการเจริญเติบโตในภาพรวมของประเทศ ซี่งในปี
2559 นี้คาดการณ์ว่า ในภาค SMEs น่าจะเติบโตได้สูงกว่า 5%
โดยมีภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมรับเหมา
ที่จะเป็นเทรนด์ที่เติบโตได้ดีในปี 2559 ที่จะโดยมีภาคท่องเที่ยวและภาคอุตสาหกรรมรับเหมา
ที่จะเป็นเทรนด์ที่เติบโตได้ดีในปี 2559 ที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมของรัฐบาล”
ผอ.สสว.กล่าว
ภาพสรุปของ
SMEs ไทย ในปี 2559 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ล้วนเต็มไปด้วยปัจจัยบวกจากการสนับสนุนทั้งในภาครัฐ
และภาพรวมของเศรษฐกิจที่เริ่มส่งสัญญาณที่ดี
เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับเร่งให้เกิดกับการลงทุน
ด้วย
4 ข่าวดีสำคัญๆ คือ 1.คาดการณ์ว่า SMEs ไทยอาจเติบโตเกิน
5 % ในปี 2559 นี้ 2 .ภาครัฐให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ (ในด้านการเงิน)
และการช่วยเหลือสนับสนุนในทุกๆ ด้าน 3.เทรนด์ท่องเที่ยวและภาคธุรกิจรับเหมา
มีทิศทางที่ดี รวมถึงการพัฒนาในด้านธุรกิจ E-COMERCESที่จะเป็นเส้นทางสำคัญ
ในปีหน้า และสุดท้าย ข่าวดีที่ 4 ซึ่งทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ทิศทางเศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น
ทั้งหมดนี้
เป็นปัจจัยบวกที่กำลังผลักดันให้ ปี 2559 ที่จะถึงนี้ กำลังจะเป็นปีแห่งการลงทุน
และพลิกฟื้นให้ภาคอุตสาหกรรมไทย กลับมาเรืองรองอีกครั้ง ….และนี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเศรษฐกิจไทยในปี
2559 ที่จะก้าวเข้าสู่ “ปีทองของภาคอุตสาหกรรมไทย”…..