เคาะแล้ว! เก็บ ‘ภาษีคาร์บอน’ (Carbon Tax) ตันละ 200 บาท มีผล ก.พ.นี้ ยันไม่กระทบราคาน้ำมัน

เคาะแล้ว! เก็บ ‘ภาษีคาร์บอน’ (Carbon Tax) ตันละ 200 บาท มีผล ก.พ.นี้ ยันไม่กระทบราคาน้ำมัน

 

ครม.อนุมัติ “กลไกราคาคาร์บอน” กำหนดราคาภาษีคาร์บอน (Carbon Tax) 200 บาทต่อตัน ในภาษีสรรพสามิตน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน มีผลเดือนก.พ.นี้ ยืนยันไม่กระทบราคาน้ำมันใด ๆ และไม่กระทบผู้บริโภคแน่นอน

 

 

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า หลังจากการที่ ครม. อนุมัติหลักการกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งเป็นกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับ (Mandatory Carbon Pricing) แรกของไทยที่แสดงสัดส่วนต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมในน้ำมันเชื้อเพลิงภายในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต โดยสามารถคำนวณได้จากค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) คูณกับราคาคาร์บอน (Carbon Price) ที่ 200 บาท tCO2eq ซึ่งมาตรการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันใด ๆ ทั้งสิ้น คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ภายใน ก.พ. นี้

 

ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้

1.สินค้าที่จะกำหนดกลไกราคาคาร์บอน ได้แก่ น้ำมันเบนซินและน้ำมันที่คล้ายกัน แก๊สโซฮอล์ประเภทต่าง ๆ น้ำมันก๊าดและน้ำมันที่จุดให้แสงสว่างที่คล้ายกัน น้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น น้ำมันดีเซลและน้ำมันอื่น ๆ ที่คล้ายกัน ไบโอดีเซลประเภทต่าง ๆ LPG ก๊าซโพรเพนและก๊าซที่คล้ายกัน น้ำมันเตาและน้ำมันที่คล้ายกัน

2.กำหนดราคาคาร์บอนน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันเบื้องต้นที่ 200 บาทต่อตันคาร์บอนเทียบเท่า

3.กำหนดกลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิต เท่ากับราคาคาร์บอนที่กำหนดคูณกับค่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Emission Factor) ของน้ำมันแต่ละชนิด ทำให้น้ำมันดีเซล 1 ลิตร คำนวณการปล่อยคาร์บอน 0.0027 คูณกับราคาคาร์บอน 200 บาท เท่ากับ 0.55 บาทต่อลิตร โดยภาษีคาร์บอน 0.55 บาท ดังกล่าว จะรวมอยู่ในภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บอัตราลิตรละ 6.44 บาท

 

 

ตามเป้าหมาย Carbon Neutrality 2050 และ Net Zero 2065 ประกอบกับอุตสาหกรรมยานยนต์และน้ำมันที่เป็นต้นทางของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 70% จากทั้งหมด กระทรวงการคลังให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว จึงกำหนดกลไกราคาคาร์บอนภาคบังคับมีขึ้นเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อรองรับกับการพัฒนาประเทศ

 

ร่างกฎกระทรวงดังกล่าวจะสร้างโอกาสในการเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมความพร้อมและการสร้างมาตรฐานสากลให้กับผู้ประกอบการที่จะส่งสินค้าไปยังประเทศที่มีการบังคับใช้ CBAM ได้เตรียมตัวและสามารถใช้ราคาคาร์บอนนี้ในกรณีที่จะมีการจัดเก็บมูลค่าส่วนต่างราคาคาร์บอนจากสินค้าที่จะนำเข้าไปในประเทศนั้น ๆ

 

“มาตรการนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันใด ๆ ทั้งสิ้น และในอนาคตหากมีน้ำมันที่สะอาดขึ้น ราคาน้ำมันก็มีโอกาสที่จะถูกลงด้วย ถือเป็นมาตรการสนับสนุนให้คนหันมาใช้น้ำมันที่สะอาดขึ้น เพราะมาตรการนี้เป็นการเปลี่ยนโครงสร้างภายในภาษีสรรพสามิตที่มีการคำนวณราคาคาร์บอนฝังตัวในภาษีน้ำมัน โดยยืนยันว่าการกำหนดราคาคาร์บอนนี้ ไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนของภาคอุตสาหกรรมและไม่ส่งผลต่อราคาขายปลีกน้ำมันใด ๆ ทั้งสิ้น” นายเผ่าภูมิ กล่าว

 


นอกจากนี้ กรมสรรพสามิต คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ยังได้มีการร่วมลงนาม MOU ในการขับเคลื่อนและสนับสนุนการส่งเสริมการรับรู้ภาษีคาร์บอนและพฤติกรรมการใช้พลังงานในหลากหลายมิติ มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้พลังงานสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

 

สำหรับ OR จะให้การสนับสนุนด้านการดำเนินงานรวมถึงทรัพยากรตามที่ทั้ง 3 ฝ่ายตกลงร่วมกัน รวมถึงการแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจกสำหรับผู้บริโภคในการเติมน้ำมันแต่ละครั้งผ่านหน้าจอ ณ สถานีบริการ สำหรับ พีทีที สเตชั่น ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย OR SDG ที่มุ่งสร้างสมดุลในทุกมิติ โดยเฉพาะด้าน G: Green ที่มุ่งสร้างโอกาสเพื่อสังคมสะอาดและการสนับสนุนสังคมคาร์บอนต่ำ

 

ขณะที่ บางจาก สมาชิกบัตรบางจากกรีนไมล์ส จะแสดงปริมาณการลดก๊าซเรือนกระจก เปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ ภายใต้แคมเปญ “ต้นไม้ของคุณ” ซึ่งจะบันทึกข้อมูลผ่าน Bangchak Mobile Application ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมโยงพฤติกรรมการใช้น้ำมันรักษ์โลกเข้ากับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเริ่มสื่อสารตั้งแต่วันที่ 1 มี.ค. 2568

 

โดยการเติมน้ำมันแต่ละครั้ง ประชาชนจะรับทราบว่ามีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) เท่าใดจากจำนวนน้ำมันที่เติม ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการลดการปล่อยคาร์บอน

 

 

อ้างอิง