ภูเขาไฟคันลาออนปะทุอีกครั้ง ทางการฟิลิปปินส์เฝ้าระวังเข้ม
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2568 ภูเขาไฟคันลาออน ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะเนโกรส ประเทศฟิลิปปินส์ ได้เกิดการปะทุขึ้นอีกครั้ง โดยปล่อยเถ้าถ่านและเศษซากต่างๆ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงถึง 4,850 เมตร (เทียบเท่า 4 กิโลเมตร) ทำให้ต้องมีคำสั่งปิดโรงเรียนในหมู่บ้าน 4 แห่งที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย จากการปะทุซึ่งกินเวลายาวนานกว่า 1 ชั่วโมง
จากการรายงานของสถาบันภูเขาไฟวิทยาและแผ่นดินไหวแห่งฟิลิปปินส์ พบว่าแม้จะยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือความเสียหายจากการปะทุในครั้งนี้ แต่เถ้าถ่านได้แพร่กระจายไปทั่วพื้นที่เกษตรกรรมใน 4 หมู่บ้านทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของภูเขาไฟ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ภูเขาไฟคันลาออนเคยเกิดการปะทุเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และมีการอพยพประชาชนจำนวนมาก ซึ่งหลายคนยังคงอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงฉุกเฉิน เนื่องจากภูเขาไฟยังแสดงสัญญาณความไม่เสถียรอย่างต่อเนื่อง

ระดับการเตือนภัยและการเฝ้าระวัง
ในปัจจุบัน ทางการยังคงประกาศระดับการเตือนภัยไว้ที่ระดับ 3 ซึ่งหมายถึง “การปะทุในระดับสูง” โดย เทเรซิโต บาโคลโคล หัวหน้านักภูเขาไฟวิทยาของฟิลิปปินส์ ระบุว่า ยังไม่พบสัญญาณของแผ่นดินไหวที่เพิ่มขึ้น หรือแรงสั่นสะเทือนอื่นๆ ที่อาจนำไปสู่การเพิ่มระดับเตือนภัยเป็นระดับ 4 หรือ 5 ซึ่งจะหมายถึงการปะทุอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม บาโคลโคลเน้นย้ำว่า ความเป็นไปได้ที่จะเกิดการปะทุที่รุนแรงขึ้นนั้นยังคงมีอยู่ และขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเขตอันตรายรัศมี 6 กิโลเมตรรอบภูเขาไฟ เพื่อความปลอดภัย
ภูมิศาสตร์ของฟิลิปปินส์และวงแหวนแห่งไฟ
ฟิลิปปินส์ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เรียกว่า “วงแหวนแห่งไฟ” (Ring of Fire) ของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งเป็นเขตแนวรอยเลื่อนขนาดใหญ่และเป็นแหล่งกำเนิดของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ทั่วโลก มากกว่า 75% ของภูเขาไฟที่ยังมีพลังอยู่กระจุกตัวอยู่ในแถบนี้ ซึ่งยังเป็นแหล่งที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยที่สุดในโลก
ภูเขาไฟคันลาออนถือเป็นหนึ่งใน 24 ลูกของภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นในฟิลิปปินส์ โดยมีความสูงถึง 2,435 เมตร จากระดับน้ำทะเล และเคยเกิดเหตุสลดในปี 1996 เมื่อมีนักปีนเขาเสียชีวิตจากการปะทุโดยไม่คาดคิด
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับภูเขาไฟ
ภูเขาไฟ (Volcano) คือภูเขาที่เกิดจากแมกมาใต้เปลือกโลกที่ดันตัวขึ้นมาจากรอยแยกของเปลือกโลก เมื่อแรงดันสูงพอจะดันหินหนืด ไอน้ำ ก๊าซ และเถ้าถ่านขึ้นมาบนพื้นผิวโลก จะทำให้เกิดการระเบิดหรือการปะทุ ซึ่งลาวา (Lava) ก็คือหินหนืดที่พ่นออกมานั่นเอง
ลักษณะของภูเขาไฟสามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภทตามกิจกรรมทางภูเขาไฟ:
- ภูเขาไฟมีพลัง (Active Volcano) – เคยปะทุเมื่อไม่นานมานี้ และอาจเกิดการปะทุได้อีกในอนาคต
- ภูเขาไฟสงบ (Dormant Volcano) – ยังไม่ปะทุในช่วงเวลานาน แต่มีโอกาสจะกลับมาปะทุได้อีก
- ภูเขาไฟดับสนิท (Extinct Volcano) – ไม่มีโอกาสเกิดการปะทุอีกแล้ว
และสามารถจำแนกตามรูปร่างออกเป็น
- ภูเขาไฟแบบกรวยสูง (Steep Cone)
- ภูเขาไฟแบบโล่ (Shield Volcano)
- ภูเขาไฟแบบกรวยกรวด (Ash and Cinder Cone)
- ภูเขาไฟแบบสลับชั้น (Composite Cone)

ภูเขาไฟในประเทศไทย ดับแล้วแต่ยังควรศึกษา
แม้ประเทศไทยจะไม่มีภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นเหมือนประเทศในวงแหวนแห่งไฟ แต่ก็มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วหลายแห่ง โดยเฉพาะในจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีภูเขาไฟเก่าถึง 6 แห่ง ได้แก่ ภูเขาไฟพนมรุ้ง ภูเขาไฟกระโดง ภูเขาไฟคอก ภูเขาไฟอังคาร ภูเขาไฟหินหลุบ และภูเขาไฟไปรบัด นอกจากนี้ยังมีภูเขาไฟดอยผาคอกหินฟู และดอยผาดอกจำปาแดดในจังหวัดลำปาง
แม้จะดับสนิทแล้ว แต่การศึกษาโครงสร้างและธรณีวิทยาของภูเขาไฟเหล่านี้ยังมีความสำคัญต่อการเตรียมความพร้อมทางวิชาการและการเฝ้าระวังภัยพิบัติจากธรรมชาติในอนาคต
จุดเฝ้าระวังที่ใกล้ไทยที่สุด ภูเขาไฟใต้ทะเล Barren Island
ภูเขาไฟ Barren Island ใต้ทะเลในมหาสมุทรอินเดีย ถือเป็นจุดเฝ้าระวังสำคัญ แม้จะอยู่ห่างจากฝั่งไทยประมาณ 700 กิโลเมตร แต่ก็ใกล้พอจะส่งผลต่อพื้นที่ภาคใต้ฝั่งอันดามัน เช่น จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต หากเกิดการปะทุขนาดใหญ่ อาจก่อให้เกิดแผ่นดินไหวหรือคลื่นสึนามิได้
แม้โอกาสจะน้อย แต่ด้วยลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่ไทยอยู่ใกล้แนวรอยเลื่อนเปลือกโลกและมีภูเขาไฟใกล้เคียงหลายแห่ง การเตรียมแผนรับมือ การฝึกซ้อมอพยพ และการให้ความรู้แก่ประชาชน จึงยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ที่มาภาพ :
การปะทุครั้งล่าสุดของภูเขาไฟคันลาออนในฟิลิปปินส์กินเวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง ภาพ: EPA PHOTO
อ้างอิง :
https://apnews.com/article/philippines-kanlaon-volcano-eruption-c1335c4802c9f73f951d504e9deb82d3