ปากบ่นเหนื่อยแต่ไม่หยุดคิด – ทำ

ปากบ่นเหนื่อยแต่ไม่หยุดคิด – ทำ


เป็นคำพูดนายกฯประยุทธ์
ที่กล่าวแถลงไว้ภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (12ม.ค.)พร้อม
ๆกับอารมณ์ที่สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนในการทำงานเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ
จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นภาพและการให้สัมภาษณ์ของ“ลุงตู่”ที่ฟ้องเด็ก ๆว่า “อย่างลุงก็เหนื่อยเพราะพวกเราๆ  เห็นพวกเราก็จะต้องรีบทำงาน เหนื่อย
หงุดหงิดบ้างก็ต้องอดทน ต้องทำงานให้หนักหลาย ๆ เท่า
แต่ก็มีพวกที่ชอบดึงขาลุงด้วย”
ก่อนจะมีรายงานข่าวในเวลาต่อมาที่ระบุถึงมาตรการในการจัดการกับบรรดาข้าราชการที่ชอบใส่
“เกียร์ว่าง” และถ้าฟังต่อถึงการแถลงข่าวยิ่งเป็นการยืนยันชัด

“วันนี้ผมจะพูดเรื่องการประชาสัมพันธ์
จะมีการประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมในเรื่องการถ่ายทอดนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ได้สั่งการในที่ประชุม
เพื่อให้หน่วยงานไปหาวิธีการปฏิบัติมาในการที่จะขับเคลื่อน จัดทำรายงานโครงการไม่งั้นพอมติยื่นอนุมัติออกมาปั๊บมันไม่มีความเป็นมาก็ขัดแย้งกันตลอด
ทั้งที่มันจะต้องสร้างความเข้าใจมาก่อนเช่นจะทำอะไรก็ตาม เรื่องภาษีหรืออะไรทั้งหมดทุกเรื่องไม่งั้นมันมีปัญหาหมดเพราะว่าอยู่ดี
ๆออกไป ซึ่งจริง ๆแล้วมันก็เป็นปกติของการบริหารราชการแผ่นดิน
ที่ผ่านมาเขาก็ทำแบบนั้นแต่วันนี้ผมคิดว่ามันน่าจะต้องสร้างความเข้าใจใหม่ในเชิงรุก
เพราะฉะนั้นจะมีอีกกลุ่มหนึ่งที่จะเอาสิ่งที่ผมพูด สิ่งที่ผมสั่งมาสร้างการรับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่และปัญหามันเกิดจากอะไร
จะประชาสัมพันธ์อย่างไร เช่นรายงานความก้าวหน้าอะไรอย่างนี้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ก็คงต้องมีงานในการชี้แจงไปทางสื่อ
โซเชียลมีเดีย ในเรื่องที่มันทำให้เกิดความไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด
บิดเบือนอะไรเหล่านี้”

พล.อ.ประยุทธ์ยังได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาใหญ่ในช่วงที่ผ่านมา
นั่นคือเรื่องของยางพาราว่า วันนี้ได้ลงไปขับเคลื่อนและให้คนของคณะที่ทำงานลงไปพูดคุยกัน
โดยรัฐบาลกำลังแก้ปัญหาอยู่ในลักษณะ 2 ทางนะ อันที่หนึ่งเป็นช่องทางปกติคือของกระทรวงเกษตรฯ
คณะกรรมการยางอะไรก็แล้วแต่ ในส่วนของคณะกรรมการยางใหม่ที่ต้องตั้งขึ้นปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐ
ปัญหาอยู่ที่ผู้แทนภาคการเกษตรยังตกลงกันไม่ได้สักที ประชุมกัน 3-4
ครั้งก็เสนอชื่อไม่ได้เพราะต่างคนต่างอยากเป็นหมดไง วันนี้ตนก็บอกว่าให้ไปทำมาให้ได้มันถึงต้องใช้รักษาการเพราะมันตั้งกันไม่ได้
ในเมื่อตั้งกรรมการไม่ได้ก็ตั้งประธานไม่ได้ 
ไม่ใช่ว่ารัฐบาลทำให้ช้า ไม่ได้ต้องการดึงเรื่องจะดึงทำไม
ต้องการลดปัญหาอยู่แล้ว

               
“ต้องเห็นใจรัฐบาลด้วยนะ คือถ้าเราไปเพิ่มราคาโดยไม่มีจุดมุ่งหมายเอามาเก็บเข้าคลังผมว่ามันจะเหมือนเดิม
ก็จะไปซื้อมาแล้วส่วนที่จะไม่เอาเข้าท้องตลาดจะผลักไปสู่การผลิตเลยให้เกิดการผลิตที่มีผลการวิจัยพัฒนาเรื่องยางเป็นร้อย
ๆ อย่างไม่เคยเอามาปฏิบัติ ผมก็สั่งเขามาตั้งนานแล้ว เขาก็เดินอยู่
ต้องเอามาทดสอบมากำหนดมาตรฐานมันถึงจะใช้ได้จำหน่ายได้ ใช้งบประมาณรัฐได้
รัฐก็ต้องไปแก้ปัญหาในเรื่องของระเบียบการใช้งบประมาณของแต่ละกระทรวงให้มันซื้อได้นี่คือสิ่งที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ”

ทำไมไม่ทำ
ก็ทำหมดแล้วแต่ว่ามันต้องใช้เวลาทำทุกอันนั้นแหละ กฏหมายก็ต้องแก้อะไรก็ต้องแก้
ระเบียบงบประมาณก็ต้องแก้ ก็ต้องไปเชื่อมโยงกับเอสเอ็มอี
สร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิตที่จะรับสิ่งเหล่านี้ไปผลิตออกมาเพราะฉะนั้นเท่ากับเราไปซื้อยางมาเพื่อให้เป็นต้นทุนกับเขาในระดับราคาที่เกษตรกรพออยู่ได้
แล้วช่วงนี้เราก็อุดหนุนผู้ประกอบการรายใหม่ให้นำไปสู่การผลิตที่มันงายขึ้น สร้างอุตสาหกรรมกลุ่มเอสเอ็มอี
start
up เริ่มต้นใหม่หรือที่มีอยู่แล้วก็ขยายให้เข้มแข็งขึ้น ให้ทุนให้เครื่องจักรเขาไป
เราก็แก้ปัญหาด้วยการหาต้นทุนยางให้กับเขา
แล้วเดี๋ยวก็ค่อยปันกลับมาอีกทีเป็นกำไรใช้หนี้สินรัฐอีกทีต่อไป ไม่งั้นมันก็ไม่เกิดวงจรการผลิตถ้าไม่ทำแบบนี้จะเป็นเพียงว่าไปซื้อมาแล้วเก็บเข้าคลัง
มันก็เน่าเหมือนเดิม