จับตา! ร่าง พ.ร.บ. โซลาร์เสรี เปิดทางให้ประชาชนผลิตไฟใช้เองง่ายขึ้น หรือ “รวบอำนาจ–ลิดรอนสิทธิ”

จับตา! ร่าง พ.ร.บ. โซลาร์เสรี เปิดทางให้ประชาชนผลิตไฟใช้เองง่ายขึ้น หรือ “รวบอำนาจ–ลิดรอนสิทธิ”

ความหวังที่กลายเป็นความกังวล เมื่อร่าง กม.พลังงานแสงอาทิตย์ฉบับใหม่ หรือ พ.ร.บ. โซลาร์เสรี ถูกมองว่า ขัดมติ ครม. – ขัด รธน. รวบอำนาจให้ รมว.พลังงาน กำหนดการเชื่อมต่อระบบ สถานที่ติดตั้ง รวมทั้งอุปกรณ์เอง แถมให้อำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่เข้าเคหสถานตรวจโซลาร์เซลล์ได้ จึงหวั่นว่ากม. จะเปิดช่อง “รวบอำนาจ–ลิดรอนสิทธิ” ประชาชนจะได้ประโยชน์จริงหรือ?

 

 

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พลังงานแสงอาทิตย์กลายเป็นหนึ่งในความหวังสำคัญของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ประชาชนและภาคธุรกิจเริ่มหันมาติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา หรือที่เรียกว่า โซลาร์รูฟท็อป” เพื่อผลิตพลังงานใช้เอง เพราะสามารถลดค่าไฟฟ้าได้ ประกอบกับปัจจุบันต้นทุนการติดตั้งนั้นลดลงจากในอดีตทำให้ระยะเวลาในการคืนทุนสั้นลงเหลือเพียง 6 – 8 ปีเท่านั้น

 

ข้อมูลจากศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ttb analytics ระบุว่า ตลาดโซลาร์รูฟท็อปในประเทศไทยมีมูลค่าราว 67,000 ล้านบาท และเติบโตเฉลี่ยถึง 22% ต่อปี

 

สองมุมมอง สองความเห็น

 

 

Cr. ภาพจาก Facebook นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

 

มุมมองของรัฐบาล โซลาร์เสรี เปิดทางประชาชน

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 68 นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี ประธานที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย เปิดเผยความคืบหน้าร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2568 ก่อนเข้าสภาปลายปีนี้ โดยชี้ว่าแนวทางใหม่นี้จะส่งผลให้ต้นทุนของประชาชนลดลง ขณะที่บริษัทติดตั้งโซลาร์ต้องปรับตัวครั้งใหญ่ ใจความระบุว่า

 

☀️ เสรีแสงอาทิตย์ช็อตธุรกิจโซลาร์! อุปกรณ์-ค่าติดตั้งถูกลง ประชาชนได้ประโยชน์

 

– บริษัทติดโซลาร์จะเก็บเงินลูกค้าได้น้อยลง เพราะการเปิดโซลาร์เสรีจะทำให้ประชาชนมีทางเลือก เกิดการแข่งขันทางการค้า หาซื้อง่าย อุปกรณ์และบริการติดตั้งจะถูกลงมาก แต่ผมเชื่อว่าปริมาณคนติดโซลาร์จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นเช่นกัน บริษัทต้องปรับตัวครั้งสำคัญ
– เสรีโซลาร์คือไม่ต้องขออนุญาตหลายหน่วยงานอีกต่อไป เหลือให้แค่ “แจ้ง” เพราะรัฐจะได้รู้ปริมาณใช้ไฟฟ้าจริง เพื่อลดการผลิต ลดการสำรองไฟ และลดราคาไฟฟ้าหลักได้
– อุปกรณ์ติดตั้งต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด ซึ่งก็คือ “ประกาศกระทรวง” ที่ใช้บังคับเป็นการทั่วไป ไม่ใช่การเจาะจงแบบการอนุญาตเฉพาะราย โดยการประกาศกระทรวงเราเทียบเคียงจากมาตรฐานของการไฟฟ้าโดยตัดเรื่องอุปสรรคที่กีดกันประชาชนจากการผลิตไฟได้เอง
– ร่าง “พรบ.ส่งเสริมไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์” จะได้เข้า ครม.ช่วงปลายเดือน มิ.ย.68 และคาดว่าจะผ่านสภาเป็นกฎหมายปลายปีนี้ครับ

“บริษัทติดโซลาร์จะเก็บเงินลูกค้าได้น้อยลง เพราะการเปิด โซลาร์เสรี จะทำให้ประชาชนมีทางเลือก เกิดการแข่งขันทางการค้า หาซื้อง่าย อุปกรณ์และบริการติดตั้งจะถูกลงมาก แต่ผมเชื่อว่าปริมาณคนติดโซลาร์จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นเช่นกัน บริษัทต้องปรับตัวครั้งสำคัญ”

 

พร้อมติดแฮชแท็ก #ห้ามรัฐยืนบังแดดประชาชน

 

ทั้งนี้ สาระสำคัญของร่างกฎหมายนี้คือการ ‘ปลดล็อก’ อุปสรรคเดิม โดยเปลี่ยนจาก ‘ขออนุญาต’ หลายขั้นตอน มาเป็นเพียง ‘การแจ้ง’ ต่อรัฐเท่านั้น เพื่อให้รัฐสามารถรับรู้ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจริง ลดความจำเป็นในการผลิตสำรองไฟฟ้า และส่งผลต่อการลดค่าไฟในภาพรวม ในด้านมาตรฐานอุปกรณ์และการติดตั้ง รัฐจะกำหนดให้ใช้ ‘ประกาศกระทรวง’ ซึ่งมีผลบังคับใช้ทั่วไป ไม่ใช่ระบบการอนุญาตเฉพาะราย พร้อมเทียบมาตรฐานจากการไฟฟ้า โดยตัดข้อจำกัดที่เป็นอุปสรรคต่อประชาชน

อย่างไรก็ตาม ร่างพระราชบัญญัตินี้ อาจเป็นก้าวสำคัญ ที่มองว่าจะทำให้ประชาชนเข้าถึงการผลิตไฟฟ้าใช้เองได้ง่ายขึ้น และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของโครงสร้างพลังงานในประเทศไทย

 

  Cr.ภาพจาก Facebook นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย

 

มุมมองของผู้ประกอบการ กฎหมายแฝงการรวบอำนาจ

 

ขณะที่ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย ปัจจุบันเป็น CEO บริษัท โซลาร์ชั้นนำ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพจ ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส – Treerat Sirichantaropas และแพลตฟอร์มเอ๊กซ์ (X) ส่วนตัว ถึงร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ…. โดยกระทรวงพลังงาน โดยมีเนื้อหาว่า

ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมโซลาร์เซลล์ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชน หรือเพื่อผลประโยชน์รมว.พลังงาน และพวกพ้องกันแน่? ในขณะที่การเมืองกำลังชุลมุน และเศรษฐกิจไทยกำลังซบเซา กระทรวงพลังงาน และกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน(พพ.) ก็กำลังแอบซุ่มทำร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงรับฟังความเห็นถึงวันที่ 30 พ.ค.นี้

 

ในฐานะที่ผมประกอบอาชีพธุรกิจรับติดตั้งโซลาร์ วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุปสรรคเรื่องของใบอนุญาตนั้น เป็นปัญหาใหญ่ และสมควรได้รับการแก้ไขโดยด่วน เพราะมีหลากหลายหน่วยงาน และบางหน่วยงานก็มีความล่าช้า ทำให้เป็นที่มาของเรื่องคอร์รัปชัน ส่งผลให้เป็นอุปสรรคต่อผู้ทำธุรกิจ และประชาชนผู้สนใจติดตั้งโซลาร์ โดยผมเองก็หวังว่าพ.ร.บ.ส่งเสริมโซลาร์ฉบับนี้จะเป็นฮีโร่ของประชาชนที่อยากติดตั้งโซลาร์รูฟ แต่มันกลับกลายเป็นสิ่งตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงเพราะเมื่อผมได้เข้ามาอ่าน ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมโซลาร์

 

โดยละเอียด กลับพบว่ากฎหมายฉบับนี้กำลังตกเป็น “เครื่องมือทำมาหากินของนักการเมือง” ที่กำกับโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพวกพ้องเพราะร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมโซลาร์เซลล์ฉบับนี้ให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใหญ่คับฟ้า สามารถกำหนดทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว อาทิ

 

  • ให้ รมว.พลังงาน สามารถออกระเบียบ หลักเกณฑ์ กำหนดสถานที่ติดตั้งโซลาร์ นอกเหนือจากที่อยู่อาศัยหรือสถานประกอบกิจการ
  • ให้ รมว.พลังงาน มีอำนาจในการกำหนดอุปกรณ์ระบบพลังงานแสงอาทิตย์
  • ให้ รมว.พลังงาน สามารถกำหนดองค์กรที่จะทำการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า (นอกจากการไฟฟ้าฯ) เช่น จนท.ท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง > ซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนที่ยุ่งยาก และอาจเสี่ยงต่อคอร์รัปชัน
  • ให้รมว.พลังงาน มีอำนาจประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากผู้ประกอบการและขายให้องค์กรหรือบุคคลตามที่รัฐมนตรีกำหนด > ซึ่งเป็นการเสี่ยงต่อการคอร์รัปชัน ฉ้อราษฎร์บังหลวง และเป็นการให้อำนาจฝ่ายการเมืองมากไป โดยไม่มีการตรวจสอบ และถ่วงดุล
  • ให้ รมว.พลังงาน มีอำนาจกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าที่จะรับซื้อ
  • ให้ รมว.พลังงาน มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปตรวจสอบ/รื้อถอนในสถานที่ติดตั้งซึ่งเป็นเคหสถานได้

 

และนอกเหนือจากที่พ.ร.บ.ฉบับนี้จะเป็นการเพิ่มอำนาจให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแล้วร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ยังเป็นการเพิ่มอำนาจให้อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน (พพ.) ซึ่งเป็นทบวง กรมภายใต้กระทรวงพลังงานอีกด้วย เพราะผู้ที่จะติดตั้งโซลาร์เซลล์ทุกคน จะต้องแจ้งความประสงค์ก่อนติดโซลาร์กับอธิบดีล่วงหน้า 30 วัน และปฏิบัติตามประกาศ และหลักเกณฑ์ของอธิบดี และรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัด (ซึ่งบัดนี้ยังไม่มีร่างหลักเกณฑ์ และประกาศออกมา)

 

และหากผู้ใดไม่ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. ฉบับนี้ ก็สามารถให้ “พนักงานเจ้าหน้าที่ที่รัฐมนตรีแต่งตั้ง” มีอำนาจในการรื้อถอนได้ โดยเจ้าของสถานที่ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนตามที่รัฐจะเรียกเก็บด้วยฉะนั้นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จึงเป็นเสมือนการตีเช็คเปล่าให้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และอธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทน ทั้งที่ยังไม่มีร่างระเบียบ และหลักเกณฑ์ใดออกมา

ทั้งนี้ เพื่อรวบอำนาจ และควบคุมพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งหมด ตั้งแต่การติดตั้ง – ไปจนถึงการรับซื้อขายไฟ ไว้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานแต่เพียงผู้เดียวซึ่งการติดตั้งโซลาร์ในยุคนี้ มันควรจะเป็นสิ่งที่ง่ายสำหรับประชาชนเพื่อให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีในการประหยัดค่าไฟได้ง่าย แต่นี่กลับสวนทาง โดยจะเป็นการเพิ่มภาระให้ประชาชน ทำสิ่งที่ปัจจุบันยากอยู่แล้ว เป็นสิ่งที่ยากขึ้นไปอีก และสุ่มเสี่ยงไปด้วยเรื่องคอร์รัปชันที่อาจตามมาได้

 

ผมเองก็ไม่มั่นใจว่าผู้ร่างกฎหมายฉบับนี้ ได้รับใบสั่งจากใครมาหรือไม่ และมีเจตนาอะไร เพื่อใครหรือไม่แต่พฤติการณ์ของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ค่อนข้างแน่ชัด ว่าเป็นอุปสรรคต่อประชาชน และผลประโยชน์ของชาติ ผมในฐานะที่เคยทำงานด้านการเมือง และปัจจุบันสวมหมวกผู้ประกอบธุรกิจโซลาร์ คงไม่สามารถปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่ ๆ

 

จึงขอส่งเสียง #ปฏิเสธ ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมโซลาร์แอบแฝงฉบับนี้ และหากท่านใดอยากร่วมเป็นกระบอกเสียงกับผม ก็ขอเชิญชวนเข้าไปร่วมแสดงความเห็นได้ที่

www.law.go.th/listeningDetail?survey_id=NTMyN0RHQV9MQVdfRlJPTlRFTkQ= จนถึงวันที่ 30 นี้เท่านั้น และท่านใดสนใจอ่านร่างกฎหมายทั้งหมด สามารถโหลดอ่านได้ที่

https://files.law.go.th/dgaBackoffice/2025-05-15-18%3A06%3A18_ต้นฉบับ%20ร่าง%20พรบ.%20ส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงาน%20%28pdf%29.pdf

ในเมื่อนักการเมืองไม่จริงใจ แถมไม่มีความรู้ ประชาชนอย่างพวกเราก็ต้องสู้กันต่อไปครับ!

 

 

 

 

บทสรุป ทางแยกของพลังงานไทย

 

ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ฉบับนี้ อยู่ในช่วงรับฟังความเห็นจากประชาชนจนถึงวันที่ 30 พฤษภาคม และคาดว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีช่วงปลายเดือนมิถุนายน ก่อนเข้าสภาปลายปีนี้

แม้จุดประสงค์ดูดี คือการส่งเสริมให้ประชาชนใช้พลังงานสะอาดได้ง่ายขึ้น แต่รายละเอียดของกฎหมายกลับทำให้เกิดความกังวลว่า อาจเป็นการรวบอำนาจมากกว่าการปลดปล่อย

ประเด็นนี้จึงเป็นการทดสอบว่า ประเทศไทยจะเลือกเส้นทางไหน ระหว่าง “เสรีโซลาร์” ที่ให้อิสระแก่ประชาชน กับ “รวบอำนาจโซลาร์” ที่ทำให้ทุกอย่างต้องผ่านมือรัฐ

สิ่งสำคัญคือ ประชาชนควรติดตามและแสดงความเห็นต่อร่างกฎหมายนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า กฎหมายที่ออกมาจะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยทุกคนอย่างแท้จริง ไม่ใช่เป็นเครื่องมือสร้างผลประโยชน์ให้แก่กลุมใดกลุ่มหนึ่ง

 

อ้างอิง

https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/96908

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1182077

https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1182281#google_vignette

https://www.facebook.com/atavit.s/?locale=th_TH

https://www.facebook.com/photo/?fbid=1215836123326954&set=a.477905157120058&locale=th_TH

 

บทความอื่น ที่น่าสนใจ

เกษตรคู่พลังงาน! เทคนิค Agrivoltaics นวัตกรรมปลูกพืชใต้แผงโซลาร์เซลล์ ทางออกความมั่นคงทางพลังงานและอาหาร