เมื่อธรรมชาติต้องเผชิญหน้ากับความโลภ ณ ใจกลางเขื่อนจันทบุรี
เขื่อนคีรีธารที่เคยเงียบสงบด้วยเสียงน้ำไหลและใบไม้ไหว กลับกลายเป็นสนามรบใหม่ในการต่อสู้เพื่อปกป้องผืนป่าและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่รัฐร่วมกันดำเนินภารกิจสำคัญ – การถอนถอนสวน ‘ทุเรียนเถื่อน’ ที่แผ่ขยายไปทั่วเกาะกลางเขื่อน

“เกาะร้อยไร่” – จุดเริ่มต้นของการบุกรุกครั้งใหญ่
ใครจะเชื่อว่าในพื้นที่อันเงียบสงบของเขื่อนคีรีธาร จังหวัดจันทบุรี จะกลายเป็นเป้าหมายของกลุ่มผู้บุกรุกที่กล้าหาญพอจะทำลายป่าเพื่อปลูกทุเรียน เกาะที่ได้ชื่อว่า “เกาะร้อยไร่” ถูกรุกราน 260 ไร่จากพื้นที่ทั้งหมด เป็นเพียงหนึ่งใน 6 เกาะที่ตกเป็นเหยื่อของการบุกรุกครั้งนี้
ตัวเลขการกวาดล้างสวน ‘ทุเรียนเถื่อน’ ในครั้งนี้
- 13 เกาะ ในเขื่อนคีรีธาร
- 6 เกาะ ถูกบุกรุกเพื่อทำสวนทุเรียน
- 371 ไร่ พื้นที่ป่าถูกทำลาย
- 260 ไร่ เฉพาะเกาะร้อยไร่เท่านั้น
กลยุทธ์อำพรางที่แยบยล
สิ่งที่น่าตกใจไม่ใช่แค่ขนาดของการบุกรุก แต่เป็นความฉลาดเจ้าเล่ห์ของผู้กระทำผิด พวกเขาไม่ได้ตัดไม้ทิ้งทันที แต่เลือกใช้วิธีการ “ฆ่าช้า” ด้วยการตัดท่อน้ำเลี้ยงให้ต้นไม้ใหญ่ค่อยๆ ตาย เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ ก่อนจะค่อยตัดออกและปลูกทุเรียนทดแทน วิธีการนี้ช่วยอำพรางสายตาเจ้าหน้าที่และทำให้การตรวจจับยากขึ้น

วันแห่งการตัดสินใจ
หลังจากที่ทางราชการเปิดโอกาสให้ผู้บุกรุกแสดงตัวและเจรจาต่อรองมากว่า 2 เดือน เจ้าหน้าที่ภายใต้การนำของ พ.ต.อ.ธราเทพ ตูพานิช รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการปฏิบัติการใหญ่
ผลการปฏิบัติการ
- บนเกาะร้อยไร่มีผู้แสดงตัว 26 ราย ยินยอมรื้อถอนและออกจากพื้นที่
- ยึดเรือ 2 ลำ รวมถึงเรือสีส้มที่ไม่มีเจ้าของแสดงตัว
- เริ่มการทำลายต้นทุเรียนและสิ่งปลูกสร้างผิดกฎหมาย
พ.ต.อ.ธราเทพ ย้ำอย่างชัดเจนว่า “หากตรวจพบการบุกรุกอีก จะเข้าสู่ขั้นตอนการทำลายและรื้อถอนทันที ไม่มีการเจรจาต่อรอง สำหรับรายที่ไม่พบเจ้าของ จะไม่รอแล้ว ทำลายทิ้งทั้งหมด”

ภัยคุกคามที่ยังคงอยู่
แม้การปฏิบัติการครั้งนี้จะประสบความสำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงพบพื้นที่ป่ารอบๆ เกาะที่ถูกลักลอบปลูกเป็นสวนทุเรียนอีกหลายแห่ง ซึ่งหมายความว่าปัญหานี้ยังไม่จบ และต้องการการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
บทเรียนสำคัญ
การบุกรุกเกาะคีรีธารครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญ เมื่อความต้องการทุเรียนในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้คนบางกลุ่มไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและเต็มใจทำลายธรรมชาติเพื่อผลกำไร หากไม่มีการป้องกันอย่างเข้มงวด พื้นที่ป่าบนเกาะกลางเขื่อนคีรีธาร อาจหมดสิ้นไปในอนาคตอันใกล้

การปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ใช่แค่การบังคับใช้กฎหมาย แต่เป็นการปกป้องมรดกธรรมชาติที่มีค่าของประเทศ เกาะเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่ผืนดิน แต่เป็นระบบนิเวศที่สำคัญ เป็นบ้านของสัตว์ป่าและเป็นปอดใหญ่ที่ช่วยรักษาสมดุลสิ่งแวดล้อม
การที่เราปล่อยให้ความโลภของมนุษย์ทำลายสิ่งเหล่านี้ ไม่ต่างจากการทำลายอนาคตของลูกหลานเรา เพราะเมื่อป่าหายไป สิ่งที่ตามมาคือความแห้งแล้ง น้ำท่วม และภัยพิบัติธรรมชาติที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
ปฏิบัติการครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การรื้อถอนสวนทุเรียน แต่เป็นการปกป้องอนาคตของเราทุกคน
อ้างอิง
https://www.dailynews.co.th/news/4728855/
บทความอื่น ที่น่าสนใจ
ป่าไทยร่อยหรอ! เมื่อทุนจีนเทา บุกรุกป่าสงวนไทย 5,000 ไร่ หวังครอบครองอุตสาหกรรมทุเรียน
