‘ขยะอาหารไทย’ วิกฤตที่ถูกมองข้าม! ทำร้ายโลกมากกว่าที่คิด

‘ขยะอาหารไทย’ วิกฤตที่ถูกมองข้าม! ทำร้ายโลกมากกว่าที่คิด

ทุกครั้งที่เราทิ้งอาหารเหลือลงถังขยะ นั่นไม่เพียงเป็นการสูญเสียทรัพยากรที่ใช้ในการผลิต แต่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระดับที่น่าตกใจ ขณะที่คนไทยเฉลี่ยทิ้งอาหารถึง 64 กิโลกรัมต่อคนต่อปี วิกฤต ‘ขยะอาหารไทย’ กำลังกลายเป็นหนึ่งในต้นเหตุสำคัญของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ถูกมองข้าม แต่เราจะแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร? มาทำความเข้าใจสถานการณ์ และค้นหาแนวทางที่ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหานี้

 

จากข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ ปี 2560 พบว่า ขยะที่เกิดขึ้นในประเทศ 64% เป็นขยะอินทรีย์ ปริมาณรวม 17.6 ล้านตัน เทียบเท่าเครื่องบินโดยสารลำใหญ่ที่สุดในโลกจำนวน 63,000 ลำ หรือเอาไปอัดในสนามราชมังคลากีฬาสถานได้ 8 สนามครึ่ง ซึ่งจากสถานการณ์ปัจจุบัน ตัวเลขน่าจะขยับสูงขึ้นมากจนน่าเป็นห่วง

 

 

เราทิ้งอาหารเท่ากับปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่าไร?

เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า ไทยมีการสูญเสียอาหารจนกลายเป็นขยะ จากการผลิตอาหารได้คุณภาพที่ไม่ตามมาตรฐานที่กำหนด (Food Loss) อยู่ที่ประมาณ 30%  ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สูงมาก เมื่อเทียบกับประชากรกลุ่มที่ไม่มีอาหารบริโภค และอีกส่วนเกิดจากการบริโภคที่เกินความพอดี ทำให้ต้องทิ้งจนกลายเป็น ขยะอาหาร (Food Waste) 

 

 

โดยเฉพาะ ‘อาหารบุฟเฟ่ต์’ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทำให้เกิดขยะอาหารจำนวนมากเป็นเท่าตัว

อย่างเช่น จากการเก็บข้อมูลของบริษัทธุรกิจอาหารบุฟเฟ่ต์ขนาดใหญ่อย่าง บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้ทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าที่ใช้บริการในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ของตน ซึ่งมีทั้งหมด 240 สาขา และมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการประมาณ 70,000 คนต่อวัน จากการวิเคราะห์ข้อมูล พบว่าลูกค้าทุกคนจะตักอาหารเฉลี่ยคนละ 1.2 กิโลกรัม โดยมีปริมาณอาหารที่เหลือทิ้งประมาณ 1% ของปริมาณทั้งหมด หรือประมาณ 12 กรัมต่อคน

 

ในทางปฏิบัติ หมายความว่า ลูกค้าทุกคนในร้านจะทานเหลือเฉลี่ยประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ซึ่งเมื่อรวมกันแล้วใน 1 วัน ร้านอาหารในเครือโออิชิจะต้องจัดการกับ ‘อาหารเหลือทิ้ง’ ประมาณ 840 กิโลกรัม หรือคิดเป็น 306,600 กิโลกรัมต่อปี นี่เทียบได้กับน้ำหนักของข้าวแกงจานร้อน (400 กรัม) ที่เท่ากับประมาณ 2,100 จานต่อวัน หรือ 766,500 จานต่อปี

 

นอกจากนี้ ร้านบุฟเฟ่ต์ของโออิชิยังเป็นเพียงหนึ่งในร้านอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์ทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งมีจำนวนถึง 205,709 ร้าน ตามข้อมูลจาก wongnai.com ในปี 2561 ที่ผ่านมา

 

 

สถานการณ์ขยะอาหารไทย

  • ปริมาณขยะอาหาร ประเทศไทยสร้างขยะอาหารประมาณ 17.6 ล้านตันต่อปี (ข้อมูลจาก FAO)
  • การสูญเสียต่อครัวเรือน คนไทยทิ้งอาหารเฉลี่ย 64 กิโลกรัมต่อคนต่อปี
  • มูลค่าความสูญเสีย คิดเป็นมูลค่ากว่า 2.6 แสนล้านบาทต่อปี (ประมาณ 1.1% ของ GDP)

 

ผลกระทบด้านการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

  • ปริมาณการปล่อย CO₂ ขยะอาหารไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกประมาณ 35.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • สัดส่วนการปล่อย คิดเป็น 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดของประเทศ
  • ก๊าซมีเทน ขยะอาหารที่ย่อยสลายในหลุมฝังกลบปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งมีศักยภาพในการทำให้เกิดภาวะโลกร้อนสูงกว่า CO₂ ถึง 28-36 เท่า

 

ขั้นตอนที่เกิดการสูญเสีย

ขั้นตอน สัดส่วนการสูญเสีย
การผลิต 27%
การขนส่งและเก็บรักษา 22%
การแปรรูป 15%
การค้าปลีกและจัดจำหน่าย 13%
การบริโภค 23%

 

 

 

 

แนวทางแก้ไขปัญหาขยะอาหาร

ระดับนโยบาย

  • เป้าหมายระดับชาติ ลดขยะอาหารลง 50% ภายในปี 2030 ตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)
  • มาตรการภาษี ลดภาษีให้ธุรกิจที่บริจาคอาหารส่วนเกิน 200% ของมูลค่าอาหารที่บริจาค
  • กฎหมายอาหารส่วนเกิน กำหนดให้ซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ต้องบริจาคอาหารส่วนเกินที่ยังรับประทานได้

ระดับธุรกิจ

  • การวางแผนการผลิต ใช้เทคโนโลยี AI คาดการณ์ความต้องการ ลดการผลิตเกิน 35%
  • การจัดการห่วงโซ่อุปทาน ปรับปรุงการขนส่งและการเก็บรักษา ลดการสูญเสียได้ 25%
  • การบริจาคอาหาร เชื่อมโยงธุรกิจกับธนาคารอาหาร อย่างเช่น โครงการ Thai Food Bank ที่ช่วยกระจายอาหารส่วนเกินสู่ผู้ขาดแคลน

 

Cr. ภาพ ://www.scholarsofsustenance.org/th

 

ระดับครัวเรือน

  • การวางแผนมื้ออาหาร วางแผนการซื้อและการประกอบอาหาร ลดการทิ้งได้ 40%
  • การเก็บรักษาอาหาร เทคนิคการเก็บรักษาที่ถูกต้อง ยืดอายุอาหารได้ 20-30%
  • การแปรรูปอาหารเหลือ สร้างมูลค่าเพิ่มจากเศษอาหาร เช่น ทำปุ๋ยหมัก

 

 

                                       

Cr. ภาพ : www.toogoodtogo.com

 

นวัตกรรมและเทคโนโลยี

  • แอปพลิเคชันลดขยะอาหาร แพลตฟอร์มเช่น “Too Good To Go” ช่วยลดอาหารเหลือทิ้งในร้านอาหารได้ 75%
  • เทคโนโลยียืดอายุอาหาร บรรจุภัณฑ์อัจฉริยะที่ยืดอายุผักและผลไม้ได้นานขึ้น 40%
  • ระบบติดตามการจัดการขยะ ติดตามปริมาณและประเภทขยะอาหาร ช่วยธุรกิจลดการสูญเสียได้ 20-30%

 

ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

หากสามารถลดขยะอาหารลง 50% ตามเป้าหมาย จะส่งผลให้

  • ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 17.6 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
  • ประหยัดทรัพยากรน้ำได้ 280,000 ล้านลิตรต่อปี
  • ลดค่าใช้จ่ายครัวเรือนเฉลี่ย 3,800 บาทต่อครอบครัวต่อปี

 

ทั้งหมดนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ปัญหาขยะอาหารนับเป็นวิกฤตระดับโลกที่ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดขยะอาหารที่ส่งผลโดยตรงต่อการเพิ่มภาวะโลกร้อน

 

การจัดการขยะอาหารสามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด การแปรรูปเพื่อจำหน่ายต่อ การนำไปเป็นอาหารสัตว์ ปุ๋ยอินทรีย์ หรือการผลิตก๊าซชีวภาพ นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการสั่งอาหารให้เป็นแบบเฉพาะบุคคล (Personalized) จะช่วยตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ลดการสูญเสียอาหารโดยไม่จำเป็น อีกทั้งยังสามารถนำอาหารส่วนเกินไปบริจาคให้แก่ผู้ขาดแคลนได้อีกด้วย

 

แม้ว่าปัญหาขยะอาหารจะเป็นประเด็นใหญ่ที่ต้องใช้เวลาในการแก้ไข แต่หากผู้ประกอบการทุกรายร่วมมือกัน ตระหนักถึงความสำคัญและมุ่งมั่นแก้ปัญหาอย่างจริงจัง การลดปริมาณขยะอาหารก็สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารที่ยั่งยืนของเราต่อไป

 

อ้างอิง

กรมควบคุมมลพิษ

https://www.pcd.go.th/wp-content/uploads/2024/08/pcdnew-2024-08-28_07-32-12_887627.pdf

https://www.innolifethailand.com/?p=29494

https://www.bangkokbiznews.com/blogs/business/business/1077613

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

ลดปัญหาขยะมูลฝอยชุมชน! ไทยพัฒนา “เครื่องคัดแยกขวดและกระป๋อง”