นักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอมปรับ ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ ให้ใกล้เที่ยงคืนมากขึ้นกว่าเดิม

นักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอมปรับ ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ ให้ใกล้เที่ยงคืนมากขึ้นกว่าเดิม

นักวิทยาศาสตร์ได้เลื่อน ‘นาฬิกาวันสิ้นโลก’ ใกล้เที่ยงคืนที่สุดเท่าที่เคยมีมา อันเป็นผลจากภัยคุกคามนิวเคลียร์ ความขัดแย้งทั่วโลก และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อเตือนถึงความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่ภัยพิบัติระดับโลก พร้อมเรียกร้องให้ผู้นำโลกร่วมมือแก้ไขสถานการณ์นี้

 

 

 

เมื่อวันอังคารที่ 28 มกราคม 2568 นักวิทยาศาสตร์ด้านนิวเคลียร์ได้เลื่อน “นาฬิกาวันสิ้นโลก” ของตนให้เข้าใกล้เที่ยงคืนมากขึ้นกว่าที่เคย โดยการตัดสินใจครั้งนี้อ้างถึงภัยคุกคามที่มาจากอาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซียท่ามกลางการรุกรานยูเครน ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นในจุดร้อนต่างๆ ทั่วโลก การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ทางการทหาร และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงต่อภัยพิบัติระดับโลกอย่างชัดเจน

ในปีนี้ วารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอม (Bulletin of the Atomic Scientists) ได้ตั้งนาฬิกาไว้ที่ 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้ที่สุดที่เคยตั้งมา ซึ่งเร็วกว่าปีที่แล้วเพียง 1 วินาที โดยองค์กรไม่แสวงหากำไรในชิคาโกแห่งนี้ได้สร้างนาฬิกานี้ขึ้นในปี 1947 (พ.ศ. 2490) ในช่วงเวลาที่ความตึงเครียดของสงครามเย็นกำลังเริ่มต้นขึ้นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจแก่สาธารณชนว่ามนุษยชาติกำลังเข้าใกล้การทำลายล้างโลกมากเพียงใด

แดเนียล โฮลซ์ ประธานคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความปลอดภัยของวารสารกล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดสินใจในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงจากนิวเคลียร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ชีวภาพในทางที่ผิด และเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ไม่ใช่เรื่องใหม่ในปี 2024 (พ.ศ. 2567) แต่เราพบว่ามีความคืบหน้าไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหาสำคัญ และในหลายกรณี เรื่องนี้ทำให้เกิดผลกระทบเชิงลบและน่ากังวลเพิ่มมากขึ้น 

 

 

 

 

 

“การตั้งนาฬิกาวันสิ้นโลกไว้ที่ 89 วินาทีก่อนเที่ยงคืนถือเป็นการเตือนสำหรับผู้นำโลกทุกคน” 

จากการตัดสินใจดังกล่าว องค์กรนี้ได้เน้นย้ำว่า สหรัฐฯ จีน และรัสเซีย ถือเป็นประเทศที่มีหน้าที่หลักในการดึงโลกกลับจากสถานการณ์วิกฤตนี้ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการเจรจาระหว่างประเทศอย่างจริงจังและมีประสิทธิภาพ ในงานแถลงข่าวประกาศการตัดสินใจดังกล่าว อดีตประธานาธิบดีโคลอมเบีย ฮวน มานูเอล ซานโตส ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ได้กล่าวว่า “นี่เป็นภาพที่น่าหดหู่ แต่ยังไม่ถึงขั้นย้อนกลับไม่ได้”

 

สงครามปรากฎทุกหย่อมหญ้า 

เสี่ยงใช้นิวเคลียร์ในการแก้ไขปัญหา

โฮลซ์กล่าวว่า “การรุกรานยูเครนของรัสเซียในปี 2022 (พ.ศ.2565) ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งนองเลือดในยุโรปที่ใหญ่ที่สุด ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดย “สงครามในยูเครนยังคงเป็นแหล่งที่มาของความเสี่ยงจากนิวเคลียร์ ที่สำคัญความขัดแย้งดังกล่าวอาจทวีความรุนแรงขึ้นจนอาจมีการตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ได้ทุกเมื่อ เป็นผลมาจากการตัดสินใจที่หุนหันพลันแล่นหรือจากอุบัติเหตุและการคำนวณที่ผิดพลาด” 

ในเดือนพฤศจิกายน ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้ลดเกณฑ์การโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อตอบโต้การโจมตีแบบธรรมดาทั่วไป โดยเครมลินระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นสัญญาณไปยังตะวันตก ท่ามกลางสงครามที่ยูเครนได้รับอาวุธจากสหรัฐอเมริกาและพันธมิตร นอกจากนี้ กฎคำสั่งที่ปรับปรุงใหม่ของรัสเซียได้กำหนดกรอบเงื่อนไขที่ปูตินสามารถสั่งโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์จากคลังอาวุธนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้

รัสเซียยังกล่าวในเดือนตุลาคมว่า จะไม่หารือเกี่ยวกับการลงนามในสนธิสัญญาฉบับใหม่กับสหรัฐฯ เพื่อทดแทนสนธิสัญญาลดอาวุธทางยุทธศาสตร์ฉบับใหม่ ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่จะจำกัดอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย โดยจะหมดอายุในปี 2569 เนื่องจากมอสโกเชื่อว่าจำเป็นต้องมีการขยายขอบเขตข้อตกลงดังกล่าวให้ครอบคลุมถึงประเทศอื่นๆ

“การรุกรานของรัสเซียในยูเครน ซึ่งรวมถึงการใช้ภัยคุกคามทางนิวเคลียร์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ถือเป็นเรื่องน่าวิตก นอกจากนี้ การที่รัสเซียเพิ่งถอยห่างจากสนธิสัญญาควบคุมอาวุธที่สำคัญเมื่อไม่นานนี้ ถือเป็นสัญญาณที่น่าตกใจของความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์ที่เพิ่มมากขึ้น” โฮลซ์กล่าว

 

 

 

 

ความไม่มั่นคงในตะวันออกกลางก็เป็นอีกหนึ่งที่สร้างความกังวลต่อความเสี่ยงจากภัยพิบัติระดับโลก สถานการณ์จากสงครามระหว่างอิสราเอลและกาซา และความขัดแย้งในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่างๆ รวมถึงอิหร่านได้เพิ่มความตึงเครียดในระดับนานาชาติ นอกจากนี้ จีนซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ได้เพิ่มแรงกดดันทางทหารในพื้นที่ใกล้เคียงกับไต้หวัน ส่วนเกาหลีเหนือซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์ก็ยังคงทดสอบขีปนาวุธพิสัยไกลหลายแบบ

“เรากำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหวังว่าการหยุดยิงในฉนวนกาซาจะคงอยู่ต่อไป ความตึงเครียดในตะวันออกกลาง รวมถึงกับอิหร่านยังคงไม่มั่นคงและเป็นอันตราย” โฮลซ์กล่าว “ยังมีจุดร้อนอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นทั่วโลก เช่น ไต้หวันและเกาหลีเหนือ จุดเหล่านี้อาจกลายเป็นการปะทะกันที่เกี่ยวข้องกับมหาอำนาจนิวเคลียร์ ซึ่งอาจส่งผลที่คาดเดาไม่ได้และอาจถึงขั้นทำลายล้างได้”

 

 

ความเสี่ยงจากปัญญาประดิษฐ์

การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในปี 2567 ได้เพิ่มความกังวลเกี่ยวกับการใช้งานทางทหารและผลกระทบต่อความมั่นคงของโลก ปัญญาประดิษฐ์ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วทั้งในด้านความสามารถและการใช้งานที่แพร่หลาย ซึ่งทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนเริ่มมีความกังวลเกี่ยวกับการนำ AI ไปใช้ในสนามรบ ในสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโจ ไบเดนได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารในเดือนตุลาคม ซึ่งมุ่งหวังเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งาน AI ในด้านที่สามารถส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ เศรษฐกิจ และความปลอดภัยของประชาชน แต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดนัลด์ ทรัมป์ผู้สืบทอดตำแหน่งได้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว

 

 

 

“ความก้าวหน้าด้าน AI เริ่มปรากฏให้เห็นในสนามรบในรูปแบบที่ไม่แน่นอนแต่ก็น่ากังวล โดยสิ่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษคือความเป็นไปได้ในอนาคตของการนำ AI ไปใช้กับอาวุธนิวเคลียร์ นอกจากนี้ AI ยังเข้ามาสร้างความปั่นป่วนให้กับระบบนิเวศข้อมูลของโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อมูลเท็จและข้อมูลที่ไม่ถูกต้องซึ่งขับเคลื่อนโดย AI จะยิ่งทำให้การทำงานผิดปกตินี้แย่ลงไปอีก” ฮอลซ์กล่าว

 

 

ปัญหาสภาพภูมิอากาศที่วิกฤต

เมื่อปีที่ผ่านมา องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกของสหประชาชาติได้รายงานว่า ปี 2567 ถือเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้เกิดพายุที่รุนแรงมากขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่าอย่างรุนแรง

“แม้ว่าจะมีการเติบโตที่น่าประทับใจของพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ แต่โลกยังคงขาดสิ่งที่จำเป็นในการป้องกันผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ดังนั้นภัยพิบัติจากสภาพภูมิอากาศจึงเป็นอีกภัยหนึ่งที่ไม่สามารถคาดเดาได้ และส่งผลกระทบรุนแรงต่อประชาชนเป็นวงกว้าง” โฮลซ์กล่าว

วารสารนักวิทยาศาสตร์ด้านอะตอม นี้ได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1945 (พ.ศ.2488) โดยกลุ่มนักวิทยาศาสตร์หลายคน รวมถึง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) และ เจ. โรเบิร์ต ออพเพนไฮเมอร์ (J. Robert Oppenheimer) เพื่อติดตามความเสี่ยงทางวิทยาศาสตร์ที่อาจก่อให้เกิดภัยพิบัติใหญ่ต่อมนุษยชาติ

 

ที่มา: https://www.reuters.com/world/atomic-scientists-adjust-doomsday-clock-closer-than-ever-midnight-2025-01-28/