ทรู ดิจิทัล พาร์ค เผยเมืองดีเมืองยั่งยืน ต้องแก้ปัญหาการขาดโอกาสให้คนทุกกลุ่ม สร้างระบบนิเวศ (Ecosystem)ที่เหมาะสม ปั้นสตาร์ทอัพ จากเครือข่ายคนรุ่นใหม่ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน หวังนำเทคโนโลยีทลายกำแพงสังคมเหลื่อมล้ำ ผ่านระบบการศึกษาและการเงิน สร้างธุรกิจให้คนฐานรากของปิรามิดเข้าถึงความมั่งคั่ง ด้าน วี บียอนด์ แนะอสังหาฯยุคใหม่ต้องยืดหยุ่นให้คนเข้าถึงที่อยู่อาศัย เน้นส่งเสริมไอเดียธุรกิจคนรุ่นใหม่ อันเฉียบคมเพื่อคนในสังคมเท่าเทียม
ในยุคที่การพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว เรามักมองข้ามความสมดุลระหว่างการพัฒนาและการรักษาทรัพยากรธรรมชาติ การสร้างเมืองมั่งคั่งที่ส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจควรควบคู่ไปกับการสร้างสังคมที่คนมีความสุขและชีวิตที่มั่นคง มีโอกาสที่ดีให้กับทุกชีวิต ที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่
ภายในงานสัมมนา “efin x wow festival 2025 From Salary to City Your Wealth Our Future” จากเงินเดือนสู่เมืองมั่งคั่ง ในเวทีเสวนา หัวข้อ “เมืองมั่งคั่ง คนมั่งคั่ง : สร้างสมดุลแห่งความยั่งยืน”
โดย คุณวรเดช รุกขพันธุ์ และ ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ ได้มีการพูดคุยแสดงความเห็นถึงปัญหา (Pain Point) ของคนเมืองในกรุงเทพฯ และวิธีการพัฒนาเมืองที่สามารถเจริญก้าวหน้าได้ในระยะยาว โดยไม่ละเลยการดูแลคนทุกคนให้เข้าถึงโอกาส โดยเฉพาะกลุ่มคนเปราะบาง และกลุ่มคนฐานราก ที่เป็นสัดส่วนคนส่วนใหญ่ ยังได้รับโอกาสไม่เท่าเทียมกันในสังคม
Ecosystem สร้างเครือข่ายคนร่วมอุดมการณ์
ดร.ธาริต นิมมานวุฒิพงษ์ผู้จัดการทั่วไป ทรู ดิจิทัล พาร์ค เปิดมุมมองถึงอุปสรรคของคนในยุคปัจจุบัน คือ การเดินทางยุ่งยาก ที่ทำงานอยู่ห่างไกลจากบ้าน และที่ทำงานไม่ตอบโจทย์ความต้องการทำงาน ทำให้คนรุ่นใหม่ต้องการระบบนิเวศ(Ecosystem) ที่มีสังคมเป็นกลุ่มคนประเภทเดียวกัน ที่คิดอะไรคล้ายกันเพื่อร่วมมือกันต่อยอดพัฒนาธุรกิจ สตาร์ทอัพ ให้ประสบความสำเร็จ
ประเทศไทยจึงต้องมีการพัฒนาพื้นที่เป็นโหนด คอมเพล็กซ์รูปแบบใหม่ เพื่อรองรับคนมีอุดมการณ์แนวคิดคล้ายกันให้อยู่ร่วมกัน โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวก ศูนย์รวมกับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องไว้ในพื้นที่เดียวกัน เพื่อสร้างโอกาสให้กับสตาร์ทอัพของเมืองไทยได้เติบโต เช่นเดียวกันกับ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ที่พัฒนาขึ้นมาให้เป็นคอมเพล็กซ์ ที่หลอมรวมทุกอย่างไว้ในที่เดียว ตั้งแต่พื้นที่ทำงาน การใช้ชีวิต แหล่งอาหาร ออกกำลังกาย และมีการจัดสัมมนาเติมเต็มความรู้ สร้างโอกาสพัฒนาเครือข่ายทางสังคม และมีการขยายผลเหล่านี้ไปสู่ต่างจังหวัด เพื่อให้คนได้เติบโตจากแนวคิดธุรกิจของตัวเอง
“ประเทศไทยควรมีพื้นที่รองรับให้ผู้ที่ต้องการพัฒนาอะไรเดินเข้ามาแล้วสบายใจ อยากคุยกับใครก็ได้ เพราะคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันต้นทุนทางสังคมยังน้อย ไม่รู้จักคนมาก การมีคอมเพล็กซ์ สร้างEcosystem ทำให้คนมาเจอกัน ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่หากเจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ก็คุยกันง่ายขึ้น เพราะคนไทย หากรอดก็รอด ตายก็ตายเลย การสร้าง Community จึงถือว่าตอบโจทย์”
AI เครื่องมือลดต้นทุนเพื่อคนตัวเล็ก
ทั้งนี้ การพัฒนาคอมเพล็กซ์ จะทำให้คนใช้ชีวิตในพื้นที่ยาวนานขึ้น ตั้งแต่ 7 โมงเช้า จนถึงเย็น เพื่อตอบโจทย์ในยุคพฤติกรรมคนเปลี่ยนแปลงเร็ว ทีไดนามิคสูง คาดหวังในอนาคตจะมีการพัฒนา บล็อกเชน เพื่ออสังหาริมทรัพย์ ที่ตอบโจทย์คนตัวเล็กให้สามารถเข้าถึงแหล่งความรู้ และโอกาสทางการเงิน ทรัพย์สิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ทำให้ความรวยไม่กระจุกตัวแค่คนบางกลุ่ม
ธุรกิจในยุคปัจจุบันต้องปรับตัว ลงทุนด้านการพัฒนา เทคโนโลยี โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต้องนำมาใช้ทั้งในบริษัทขนาดใหญ่ และธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) เพื่อช่วยลดต้นทุน จึงนำไปสู่การเป็นผู้ชนะในตลาด สิ่งเหล่านี้ตอบโจทย์คนอยู่ในฐานปิรามิด คนส่วนใหญ่ ตั้งแต่ระดับกลางถึงฐานราก จะมีโอกาสเข้าถึงความร่ำรวยมากขึ้น หากมีการเข้าถึงกลไกการจัดการข้อมูล โดยเฉพาะภาคการศึกษา ที่อดีตมีการโทษปัญหาความเหลื่อมล้ำเกิดจากระบบการศึกษา ดังนั้นเมื่อเทคโนโลยีทำให้คนมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาได้เท่าเทียมกัน จึงนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทยได้ สร้างโอกาสให้ทุกคนเติบโต ในเมืองก็จะเกิดความยั่งยืน
“ไม่ต้องมานั่งคิดว่าธุรกิจเอาเอไอมาใช้ประโยชน์ คนทั่วไป ก็ใช้ประโยชน์จากเอไอ ได้ เพราะทำให้มีความรู้เข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น หากมีการเชื่อมโยงกับประชากร ช่วยแก้ไขปัญหาสังคมได้ ทุกอยต่างเมื่อมีปัญหาสังคมจะโทษระบบการศึกษาและการเงิน ดังนั้นเพื่อทุกคนมีความรู้และขัอมูล รวมถึงการเงิน เป็นจุดสิ้นสุด End Game ปัญหาที่สะสมในในประเทศไทย”
คนรุ่นใหม่ ความหวัง Endgame แก้โจทย์ความเหลื่อมล้ำ
เขาเชื่อว่า คนรุ่นใหม่มีส่วนผลักดันสร้างเมืองให้มีความมั่งคั่งยั่งยืน โดยความหวังของไทยอยู่ที่ กลุ่มสตาร์ทอัพออกแบบธุรกิจใหม่ คนรุ่นใหม่ ที่ต้องการพัฒนาสังคมอย่างบริสุทธิ์ใจ เพียงแต่ว่าในยุคหน้า จะต้องมีการออกแบบสังคม ให้รองรับความหลากหลายทางความคิดให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข เพราะในยุคหน้าคนจะมีความเป็นปัจเจคบุคคล มากขึ้น แต่จะต้องพัฒนาสิ่งเหล่านี้ให้มีพลังสร้างสังคม
“ไม่ใช่การมุ่งหวังให้เอาชนะทางความคิด แต่จะต้องพัฒนาเทคโนโลยี จิตใจให้ดี เพื่อให้คนเหล่านี้มีเจตนารมณ์ที่ดีมีบทบาทในการขับเคลื่อนสังคมไทย”
ยุคที่คนเข้าถึงอสังหาฯได้สะดวก ผ่านเทคโนโลยี
ทางด้าน วรเดช รุกขพันธ์ุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วี บียอนด์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ธุรกิจเทคโนโลยีเกี่ยวกับด้านอสังหาริมทรัพย์ มองปัญหา (Pain Point)ของคนในยุคนี้ คือ ต้องการรูปแบบการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดหยุ่น (Flexible) ทำให้ชีวิตสะดวกสบายที่สุดทั้งในการซื้อสินค้าได้รวดเร็ว เข้าถึงง่ายและเปลี่ยนมือง่าย จึงหมดยุดที่ไม่ต้องไปเยี่ยมชมเพื่อซื้ออสังหาฯในโครงการ แต่จะต้องสามารถพัฒนาให้หาซื้ออสังหาฯ ในรูปแบบต่างๆ ในทุกที่ทุกเวลา ประหยัดเวลาการเดินทาง แต่ยังตอบสนองความต้องการได้ เพราะพฤติกรรมคนในยุคคนี้เปลี่ยนไป จากอดีต ที่อยู่อาศัย หรือบ้านคือสัญลักษณ์ที่บ่งชี้ถึงความสำเร็จ ที่จะต้องมีเงินเก็บสักระยะ และเป็นการลงทุน
แต่ในยุคนี้ เริ่มมีสัญญาณของสินค้ามากกว่าความต้องการ (Oversupply)การเข้าถึงเป็นเจ้าของบ้าน หรือที่อยู่อาศัยจึงง่ายขึ้น ประกอบกับมีนโยบายจากภาครัฐในการสนับสนุนสินเชื่อ และการเป็นเจ้าของบ้านในรูปแบบต่างๆ มากมาย ตลอดจนมีนวัตกรรมทางการเงินใหม่ๆ ที่ทำให้คนเข้าถึงบ้านได้ง่ายขึ้น
“การพัฒนาธุรกิจจะต้องทำให้เรื่องยากเป็นเรื่องง่าย จากการเป็นเจ้าบ้านบ้านที่ยาก แต่ปัจจุบัน แทบทุกคนที่อยากมีบ้าน เดินมามีบ้านได้เลย ไม่ว่าเป็นใครก็มีบ้านได้ ไม่ว่าคนมีเงินซื้อได้ ไม่มีเงินซื้อก็ได้ หรือแม้กระทั่งคนมีประวัติทางการเงินไม่ดีก็มีการปรับปรุงแก้ไขให้ดีเพื่อได้รับสินเชื่อได้ ด้วยนวัตกรรมทางการเงิน (Fintech) นี่คือรูปแบบแพลตฟอร์มใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ คนต้องการมีบ้าน”
รูปแบบอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์คนในยุคต่อไปคือการมีอสังหาฯ ที่เปลี่ยนมือได้บ่อย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอยู่อาศัยที่แตกต่างในแต่ละช่วงวัย อย่างเช่นคนในยุคปัจจุบันอาจจะมีบ้านสองหลัง อยู่นอกเมือง และมีใจกลางเมืองเพื่อประหยัดเวลาเดินทาง ในช่วงระหว่างจันทร์ถึงศุกร์ เพื่อที่จะรับลูก และไปส่งลูกเรียน และไปทำงานได้ และเสาร์อาทิตย์กลับไปใช้ชีวิตนอกเมือง จึงต้องมีการพัฒนาตลาดให้รองรับกับการขายต่อ ในกลุ่มบ้านมือสอง ที่จะเพิ่มมากขึ้น
ส่งเสริม คนรุ่นใหม่ ออกแบบธุรกิจคิดเพื่อสังคม
คนรุ่นใหม่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศไทย เพราะเข้าใจและเข้าถึงข้อมูลได้รวดเร็ว จึงสามารถหาวิธีแก้ไขปัญหาจากการเข้าถึงข้อมูล ที่พัฒนาต่อยอด นำไปสู่การช่วยเหลือสังคม พัฒนาธุรกิจในรูปแบบใหม่ที่ทำให้เติบโต ทำให้ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมกัน โดยภาครัฐจะต้องส่งเสริมธุรกิจและผู้ประกอบการรายใหม่ โดยเฉพาะคนตัวเล็ก ให้มีโอกาสแสดงศักยภาพ จึงสามารถประสบความสำเร็จ
“จากการไปสอนเด็กในรั้วมหาวิทยาลัยให้คิดธุรกิจที่สร้างโอกาส มีธุรกิจที่น่าสนใจจำนวนมาก ที่น่าจะนำไปต่อยอดจากแนวคิดของคนรุ่นใหม่ ขอเพียงให้โอกาส และมีเครื่องมือสนับสนุนให้กับคนรุ่นใหม่ เพื่อว่าจะมีเด็กไทยประสบความสำเร็จแน่นอน”