มูลนิธิสัมมาชีพมอบรางวัล “ปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพ” ประจำปี 2567 เชิดชูผู้สร้างสรรค์ผลงานเพื่อชุมชนและสังคมยั่งยืน ได้แก่ ผู้พัฒนาทุเรียนคุณภาพ เกษตรอินทรีย์เพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำ และนวัตกรรมไผ่ตงครบวงจร พร้อมมอบเกียรติยศและเงินรางวัลเพื่อพัฒนาผลงานต่อยอดในอนาคต
นายมงคล ลีลาธรรม ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิสัมมาชีพ เปิดเผยถึงแนวทางการคัดเลือกปราชญ์ชาวบ้านว่า คณะกรรมการมูลนิธิฯ ได้มีมติคัดเลือกปราชญ์ชาวบ้านที่มีผลงานโดดเด่นเข้ารับรางวัล “ปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพ” ประจำปี 2567 จำนวน 3 ท่าน คือ นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ ซึ่งมีผลงานพัฒนานวัตกรรมการผลิตทุเรียนคุณภาพแบบครบวงจร นางฑิฆัมพร กองสอน ผู้นำอนุรักษ์ป่าต้นน้ำโดยการทำเกษตรอินทรีย์ และนายประสิทธิ์ รูปต่ำ ผู้ผลิตไผ่ตงนอกฤดูกาลและการจัดการไผ่ตงครบวงจร โดยรางวัลดังกล่าวนี้มีขึ้นเพื่อเชิดชูเกียรติบุคคลที่ริเริ่ม สร้างสรรค์งาน ผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสังคม รวมทั้งเป็นผู้ที่ถ่ายทอดความรู้และมีการนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ การประกอบการในพื้นที่ต่าง ๆ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ต่อชุมชน สังคมในวงกว้าง
“รางวัลปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพเป็นรางวัลที่มีขึ้นยกย่องผู้ที่มีผลงานดีเด่น มีความรู้ความเชี่ยวชาญ และยังถ่ายทอดความรู้เพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชน สังคม รางวัลนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการยกย่องในฐานะต้นแบบที่มีความรู้ความสามารถ แต่ยังเป็นแบบอย่างที่ดีในการสร้างประโยชน์แก่ผู้อื่น เป็นแนวทางให้ผู้สนใจ ท้องถิ่นนำไปพัฒนาสร้างอาชีพ รายได้ ที่ยั่งยืนให้แก่ตนเองและชุมชน” นายมงคลกล่าว
‘วีรวัฒน์ จีรวงส์’ ปราชญ์เกษตรผู้ยกระดับมาตรฐานทุเรียนไทย
นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ คือหนึ่งในปราชญ์เกษตรของไทยที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการทุเรียนไทย ด้วยผลงานการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมการผลิตทุเรียนคุณภาพแบบครบวงจร (Premium Durian Cycle) ซึ่งเป็นการนำความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการผลิตทุเรียนให้ได้มาตรฐานสูง ตอบโจทย์ทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ
ผลงานเด่น ได้รับรางวัล Premium Durian Cycle เป็นการผลิตทุเรียนคุณภาพมาตรฐาน Good Agricultural Practices (GAP) มาประยุกต์ใช้ในสวนทุเรียนของตน ทำให้ได้ทุเรียนที่มีคุณภาพสม่ำเสมอ ปลอดภัย และเป็นที่ยอมรับของตลาดทั้งในและต่างประเทศ นอกจากการผลิตทุเรียนสดแล้ว นายวีรวัฒน์ยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์แปรรูปจากทุเรียน เช่น ทุเรียนแช่แข็ง ทุเรียนฟรีซดราย เพื่อเพิ่มมูลค่าและขยายช่องทางการตลาด
ด้านการบริหารจัดการสวนแบบครบวงจร เขาได้พัฒนาระบบการบริหารจัดการสวนทุเรียนแบบครบวงจร ตั้งแต่การปลูก การดูแลรักษา ไปจนถึงการเก็บเกี่ยวและการตลาด ทำให้ได้ผลผลิตที่สม่ำเสมอและมีคุณภาพสูง
นายวีรวัฒน์ได้รับการยกย่องให้เป็นเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ สาขาอาชีพทำสวน ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จในการพัฒนาวงการทุเรียนไทย นอกจากนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดที่มอบให้แก่บุคคลที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ในการทำการเกษตร
นายวีรวัฒน์ จีรวงส์ เป็นตัวอย่างของเกษตรกรไทยที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาวงการทุเรียนไทยให้ก้าวไปสู่ระดับสากล ผลงานของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้แก่เกษตรกรรายอื่นๆ และเป็นแบบอย่างที่ดีในการพัฒนาการเกษตรของประเทศไทย
‘ฑิฆัมพร กองสอน’ ปราชญ์ชาวบ้านผู้อุทิศตนเพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำ
นางฑิฆัมพร กองสอน เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปราชญ์ชาวบ้านที่สร้างสรรค์ผลงานอันเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาเขาหัวโล้น ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและวิถีชีวิตของคนในชุมชน นอกจากนี้นางฑิฆัมพรยังเป็นประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์ตำบลบัวใหญ่ จังหวัดน่าน ซึ่งเป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการทำเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่
ด้วยความเข้าใจในสภาพปัญหาของชุมชน นางฑิฆัมพรได้นำแนวคิดเกษตรอินทรีย์มาประยุกต์ใช้ในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำ โดยส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกพืชหมุนเวียน ปลูกป่า และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี การทำเกษตรอินทรีย์ไม่เพียงแต่ช่วยฟื้นฟูป่าต้นน้ำ แต่ยังช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพสูง ส่งเสริมสุขภาพของชาวบ้าน และสร้างรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว
ความรักต่อบ้านเกิดและความห่วงใยต่อสิ่งแวดล้อมเป็นแรงบันดาลใจให้นางฑิฆัมพรทุ่มเทให้กับการอนุรักษ์ป่า เนื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของชาวบ้านให้หันมาทำเกษตรอินทรีย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย นางฑิฆัมพรต้องเผชิญกับอุปสรรคและความท้าทายมากมาย
แต่ด้วยความมุ่งมั่นและความอดทน นางฑิฆัมพรสามารถสร้างความร่วมมือจากชาวบ้านในชุมชน ทำให้โครงการฟื้นฟูป่าต้นน้ำประสบความสำเร็จ พื้นที่ป่าที่เคยเสื่อมโทรมกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง ทำให้มีแหล่งน้ำที่สะอาดและอากาศที่บริสุทธิ์ คุณภาพชีวิตของชาวบ้านดีขึ้น ชาวบ้านมีสุขภาพที่ดีขึ้นจากการบริโภคอาหารปลอดสารพิษ และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขายผลผลิตทางการเกษตร ผลงานของนางฑิฆัมพรเป็นแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่นๆ ในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
‘ประสิทธิ์ รูปต่ำ’ ปราชญ์ชาวบ้านผู้สร้างสรรค์การผลิตไผ่ตงนอกฤดูกาล
นายประสิทธิ์ รูปต่ำ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มผู้ปลูกไผ่อำเภอท่าตะเกียบ จังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนไทยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาชุมชน ด้วยการนำไผ่ตงมาสร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านการคิดค้นเทคนิคการผลิตไผ่ตงนอกฤดูกาล และการจัดการไผ่ตงแบบครบวงจร
ผลงานเด่นของนายประสิทธิ์ คือการปฏิวัติวงการไผ่ตงเป็นผู้ริเริ่มนำไผ่ตงเขียวสายพันธุ์ศรีปราจีนมาปลูกในพื้นที่ และพัฒนาเทคนิคการผลิตไผ่ตงนอกฤดูกาล ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องรอแค่ช่วงฤดูหน่อไม้
นายประสิทธิ์ไม่ได้หยุดอยู่แค่การผลิตหน่อไม้ แต่ยังพัฒนาต่อยอดไปสู่การแปรรูปผลิตภัณฑ์จากหน่อไม้หลากหลายชนิด เช่น ตะเกียบ ถ่านชาโคล แชมพู สบู่ ชาใบไผ่ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ให้กับชุมชน
นอกจากนี้ยังนวัตกรรมเครื่องมือ คิดค้นเครื่องมือต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการผลิต เช่น กังหันล้างหน่อไม้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ผลงานของนายประสิทธิ์ได้สร้างผลกระทบต่อชุมชนหลายด้าน อาทิ การผลิตไผ่ตงนอกฤดูกาลและการแปรรูปผลิตภัณฑ์ ทำให้เกษตรกรในชุมชนมีรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน ในด้านอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การปลูกไผ่ช่วยอนุรักษ์ดินและน้ำ ลดการกัดเซาะ และเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับพื้นที่ เป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่นๆ โดยผลงานของนายประสิทธิ์เป็นแรงบันดาลใจให้กับชุมชนอื่นๆ ในการนำพืชเศรษฐกิจท้องถิ่นมาพัฒนา
นายประสิทธิ์ รูปต่ำ เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของคนไทยที่สร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชุมชน ผลงานของท่านเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลังในการสร้างสรรค์นวัตกรรมเพื่อพัฒนาประเทศ
ทั้งนี้ ในปี 2567 นี้ มูลนิธิสัมมาชีพได้คัดเลือกปราชญ์ชาวบ้านผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การเป็นต้นแบบสัมมาชีพที่สุด 3 คน จากการเสนอรายชื่อเข้าร่วมทั้งสิ้น 128 คน และจะมีพิธีมอบรางวัลปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพ ในวันที่ 17 ธันวาคม 2567 ณ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ โรงแรมรามา การ์เด้นส์ กรุงเทพฯ ซึ่งปราชญ์ชาวบ้านทั้ง 3 คนจะได้รับถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินสดคนละ 50,000 บาท พร้อมการพัฒนาร่วมกับเครือข่ายภาคีของมูลนิธิต่อไป
สำหรับรางวัลปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพ เริ่มดำเนินการมาตั้งปี 2565 โดยขณะนี้มีผู้ที่ได้รับรางวัลปราชญ์ชาวบ้านต้นแบบสัมมาชีพทั้งสิ้น 12 คน