เปิดใจรับฟังความคิดของคนรุ่นใหม่! หากมีโอกาสได้เป็นนายกฯ นโยบายเพื่อ “ประชาชนและความยั่งยืน” ในมุมมองพวกเขาเป็นอย่างไร?
เมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรม “นโยบายเพื่อประชาชนและความยั่งยืน TU Resolution Talk” ซึ่งเปิดโอกาสให้นักศึกษา 5 คนสุดท้าย จากผู้สมัครกว่า 300 คน ได้ปราศรัยถึง “นโยบายที่จะทำทันที” หากตัวเองได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี
การจำลองบทบาทให้นักศึกษา “หาเสียง” ผ่านนโยบายที่จะทำทันทีหากได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นความห่วงใยใส่ใจต่อประชาชนและสังคม ในสายตาและมุมมองความคิดของคนรุ่นใหม่ ซึ่งครอบคลุมทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง
เริ่มจากนโยบายที่ได้รับคะแนนโหวตให้เป็นผู้ชนะการประกวดในครั้งนี้ ซึ่งก็คือ “นโยบายการจ้างงานผู้กระทำความผิด” ที่เสนอโดย นายศักดินนท์ จงภักดี คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 โดย “ศักดินนท์” เปิดมุมมองว่า ทุกวันนี้จำนวนผู้ต้องขังในทัณฑสถานมีมากขึ้น และส่วนหนึ่งมาจากผู้กระทำความผิดซ้ำ จึงอยากเสนอนโยบาย “การจ้างงานผู้กระทำความผิด” เพื่อสร้างงาน สร้างโอกาส ให้ผู้เคยกระทำผิดกลับมามีที่ยืนในสังคม

ส่วนนโยบายนี้จะสำเร็จได้หรือไม่นั้น ศักดินนท์ บอกว่า ภาครัฐและเอกชนต้องร่วมกันสร้างแรงจูงใจเพื่อดึงคนกลุ่มนี้เข้าสู่การทำงาน โดยนโยบายจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ผู้ต้องขังอยู่ในทัณฑสถาน มีการพัฒนาศักยภาพและฝึกอบรมที่ตอบโจทย์กับความต้องการของตลาดแรงงาน มีการรับประกันมาตรฐานฝีมือเพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างมาตรฐานให้กับผู้ประกอบการ ขณะที่ภาครัฐจะสนับสนุนการสร้างแรงจูงใจแก่ผู้ประกอบการ โดยไม่ใช่เป็นการบังคับ อาจจะเป็นการลดภาษี หรือการให้สิทธิประโยชน์บางรายการ
สำหรับอีก 4 นโยบายก็มีความน่าสนใจไม่น้อย เริ่มจาก นโยบาย Solar For All ซึ่งนำเสนอโดย น.ส.ณัฐฐินันท์ สุทเสน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ที่สำรวจข้อมูลพบว่าปริมาณแสงแดดของประเทศไทยเพียงพอที่จะผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับคนทั่วประเทศได้ จึงเสนอ “นโยบาย Solar For All” ด้วยการติดตั้งแผงโซลาร์แบบผลึกที่มีอายุการใช้งาน 20 ปี ในส่วนกลางเป็นลำดับแรก จากนั้นจึงค่อยๆ กระจายไฟฟ้าไปยังครัวเรือนตามหมู่บ้านต่างๆ

ณัฐฐินันท์ เชื่อว่า นโยบาย Solar For All จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยอย่างมาก ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางด้านทรัพยากร แก้ปัญหาหมู่บ้านที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนจากการซื้อไฟฟ้า และสร้างรายได้ให้กับประชาชน เกิดอาชีพ และที่สำคัญคือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย
ถัดมาคือมุมมองของ น.ส.สัณห์พิชา แสงมาลา นักศึกษาคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 ที่เสนอ นโยบายส่งเสริมให้ผู้สูงอายุทำงาน เพราะเธอเห็นปัญหาสังคมผู้สูงอายุในอีก 11 ข้างหน้า ที่สัดส่วนผู้สูงอายุจะมีมากถึง 26.9% ของประชากรทั้งหมด และพบว่าปัจจุบันมีผู้สูงอายุจำนวนมากที่จำเป็นต้องหารายได้ และผันตัวเองไปเป็นแรงงานนอกระบบ

“เมื่อผู้สูงอายุออกไปหางานทำ ส่วนใหญ่ก็จะไปเป็นแรงงานนอกระบบ ไม่มีสวัสดิการ ได้รับค่าจ้างต่ำ เมื่อบาดเจ็บจากการทำงานก็ไม่มีคนดูแล ฉะนั้นดิฉันเห็นว่าจำเป็นต้องสร้างระบบให้ทั้งภาครัฐและเอกชนรับผู้สูงอายุเข้าทำงาน ซึ่งจะทำให้เขาได้เป็น “แรงงานในระบบ” ที่มีคนดูแล เพิ่มสวัสดิการ และสร้างงานให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” สัณห์พิชา ระบุ
อีกหนึ่งนโยบายก็เฉียบแหลมและเท่าทันยุคไม่แพ้กัน นั่นคือ นโยบาย community hall for people ที่เสนอโดย นายธรรมสรณ์ ญาณะณิสสร คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 2 โดยเขาต้องการที่จะสร้างศูนย์กลางชุมชนให้คนทุกเพศ-ทุกวัย สามารถเข้ามาใช้ประโยชน์ได้ ส่งผลให้เกิดการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน สร้างเศรษฐกิจ และสร้างความยั่งยืนด้วยการเพิ่มพื้นที่สีเขียว และใช้ทรัพยากรร่วมกัน

ธรรมสรณ์ บอกว่า เพื่อให้นโยบายเกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องมีองค์ประกอบหลักๆ คือ 1. co-working space 2. พื้นที่สีเขียว 3. เวทีการแสดง 4. ร้านค้า โดยทั้งสี่องค์ประกอบจะช่วยให้พื้นที่มีชีวิต ไม่ร้าง อย่างไรก็ตามด้วยท้องถิ่นในแต่ละท้องที่มีความแตกต่างกัน จึงสามารถเพิ่มเติมองค์ประกอบอื่นๆ เข้ามาได้อีก
สุดท้ายคือข้อเสนอที่ตอบโจทย์ความยั่งยืนและอยู่ในกระแสมากที่สุด นั่นก็คือ นโยบายการจัดการและควบคุมขยะพลาสติกเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ของ นายกฤษฏิ์ วณิชวิชากรกิจ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ชั้นปีที่ 3 ที่แสดงความกังวลว่าการรณรงค์ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมประชาชนได้จริง

ฉะนั้นจึงควรแก้ไขด้วยการออกกฎหมายในเฟสแรก เพื่อควบคุมไม่ให้ร้านค้าปลีกแถมถุงพลาสติกให้กับลูกค้าฟรีๆ รวมทั้งห้ามไม่ให้ร้านอาหารใช้หลอดพลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง จากนั้นในเฟสต่อมาต้องมีการควบคุมพลาสติกในเชิงธุรกิจ ลดหย่อนภาษีให้ธุรกิจขนาดเล็กเพื่อสนับสนุนให้เปลี่ยนมาใช้ภาชนะที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันก็ผลักดันให้ใช้พืชเศรษฐกิจต่างๆ มาทดแทนการใช้พลาสติก และเฟสสุดท้ายคือการสร้างมูลค่าทางการท่องเที่ยว ด้วยการสนับสนุนให้สตรีทฟู้ดเลิกใช้ถุงพลาสติก
ทั้งหมดนี้คือภาพเล็กๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจ-ความใส่ใจ และประเด็นปัญหาที่เยาวชนคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญ
บทความอื่นที่น่าสนใจ
เปิดกล่องความคิด สิ่งไหนดีสำหรับ “ประชาธิปไตย”
