COP29 ไฟเขียวตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศ มาตรการลดต้นทุนแก้โลกร้อน 250,000 ล้านดอลลาร์ ด้านประเทศยากจนหวัง1.3ล้านล้านดอลลาร์ช่วยเปลี่ยนผ่าน

COP29 ไฟเขียวตลาดคาร์บอนระหว่างประเทศ มาตรการลดต้นทุนแก้โลกร้อน 250,000 ล้านดอลลาร์ ด้านประเทศยากจนหวัง1.3ล้านล้านดอลลาร์ช่วยเปลี่ยนผ่าน

ประเด็นตลาดคาร์บอนที่ยืดเยื้อมานาน ในที่สุดก็ตกลงกันได้ สร้างตลาดคุณภาพสูง-โปร่งใส-ทำงานร่วมกันเพื่อเป้าหมายสภาพภูมิอากาศของประเทศภาคี ผ่านกรอบข้อตกลงสภาพภูมิอากาศปารีส ส่งผลประหยัดเงิน 250,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี ในขณะที่ประเทศกำลังพัฒนา ไม่พอใจผลประชุม เรียกร้องจำนวนเงินแก้ปัญหาโลกร้อนควรอยู่ในระดับ 1.3 ล้านล้านดอลลาร์

 

 

เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมา ประธาน COP29 ประกาศยุติการรอคอยอันยาวนานกว่า 10 ปี กับการบรรลุความสำเร็จในการเจรจาปลดล็อกตลาดซื้อขายคาร์บอนระหว่างประเทศ ภายใต้มาตรา 6 ของข้อตกลงปารีส ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญอันดับต้น ๆ ของการประชุมในปีนี้ 

ทั้งนี้ มาตรา 6 คือการจัดทำตลาดคาร์บอนที่เชื่อถือได้และโปร่งใสสำหรับประเทศต่าง ๆ ที่ร่วมมือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ความร่วมมือข้ามพรมแดนนี้คาดว่าจะลดต้นทุนในการดำเนินการตามแผนสภาพภูมิอากาศแห่งชาติของประเทศต่างๆ ได้มากถึง 250,000 ล้านดอลลาร์ (8.5 ล้านล้านบาท) ต่อปี และเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้โลกสามารถบรรลุเป้าหมายในการรักษาระดับอุณหภูมิโลกไม่ให้สูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียสได้สำเร็จ ตามคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับสภาพภูมิอากาศระดับชาติที่ประเทศต่างๆ กำหนดเองภายใต้ข้อตกลงปารีส หรือ NDC หรือ Nationally Determined Contributions 

 

 

รายละเอียดมาตรา 6 ของข้อตกลงปารีส

ทั้งนี้ความสำเร็จที่โดดเด่นในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาของการประชุม COP 29 คือความคืบหน้าที่เกิดขึ้นในตลาดคาร์บอน หลังจากทำงานกันมาเกือบทศวรรษ ประเทศต่าง ๆ ได้ตกลงกันในองค์ประกอบสุดท้ายที่กำหนดวิธีการทำงานของตลาดคาร์บอนภายใต้ข้อตกลงปารีส ซึ่งจะทำให้การซื้อขายระหว่างประเทศและกลไกการให้เครดิตคาร์บอนทำงานได้อย่างเต็มที่

โดยการซื้อขายคาร์บอนเครดิตระหว่างประเทศ (มาตรา 6.2) การตัดสินใจจากการประชุม COP29 ให้ความชัดเจนเกี่ยวกับวิธีที่ประเทศต่างๆ จะอนุมัติการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและวิธีดำเนินการดำเนินการและตรวจสอบที่โปร่งใส

อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการแก้ไขที่สำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานมาตรา 6.4 เพื่อให้แน่ใจว่าโซลูชันตามธรรมชาติและชุมชนที่ปกป้องทรัพยากรเหล่านี้จะไม่ถูกละเลย คณะกรรมการกำกับดูแลมาตรา 6.4 จะต้องทำให้มาตรฐานเหล่านี้ถูกต้อง และอาจต้องปรับปรุงเพิ่มเติมในปี 2025 มาตรฐานเหล่านี้จะต้องให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งกับชนพื้นเมืองและชุมชนท้องถิ่น ความยุติธรรมด้านสภาพอากาศและการปกป้องทางสังคมไม่ควรเป็นเพียงเรื่องรอง แต่เป็นพื้นฐานของความสำเร็จและความเป็นธรรมของกลไกเหล่านี้ 

 

ผู้นำต่าง ๆ แสดงความยินดีกับความสำเร็จในครั้งนี้

มุคธาร์ บาบาเยฟ ประธาน COP29 กล่าวว่า เราได้ยุติการรอคอยที่ยาวนานกว่าทศวรรษและปลดล็อกเครื่องมือสำคัญในการรักษาระดับอุณหภูมิให้อยู่ที่ 1.5 องศาเซลเซียส

“การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นความท้าทายข้ามชาติ และมาตรา 6 จะช่วยให้สามารถหาทางแก้ไขปัญหาข้ามชาติได้ เนื่องจากบรรยากาศไม่สนใจว่าจะสามารถประหยัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ที่ไหน”

ยัลชิน ราฟิเยฟ (Yalchin Rafiyev) หัวหน้าคณะเจรจา COP29 กล่าวว่า วันนี้ เราได้ไขข้อข้องใจที่ซับซ้อนที่สุดข้อหนึ่งในการเจรจาด้านสภาพอากาศ มาตรา 6 หมายความว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินจะถูกปลดระวาง โรงไฟฟ้าพลังงานลมจะถูกสร้างขึ้น และป่าไม้จะปลูกขึ้นมาใหม่ ซึ่งหมายถึงคลื่นลูกใหม่ของการลงทุนด้านพลังสะอาด

“ผลลัพธ์ในวันนี้ต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างหนัก แม้ว่า COPs ที่เมืองกลาสโกว์และชาร์มเอลชีคจะสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ วิธีการ และขั้นตอนที่สำคัญสำหรับตลาดคาร์บอนได้ แต่องค์ประกอบขั้นสุดท้ายของมาตรา 6 ยังคงไม่ได้รับการแก้ไข ก่อน COP29 การเจรจาดังกล่าวหยุดชะงัก ส่งผลให้เกิดความล่าช้าอันมีค่าใช้จ่ายสูงในการทำงานเต็มรูปแบบของเส้นทางสู่ความร่วมมือระหว่างประเทศด้านสภาพอากาศที่มากขึ้น” 

ขณะที่ประธานการประชุม COP29 ขอแสดงความขอบคุณต่อบุคคลและองค์กรต่าง ๆ มากมายที่ทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาเกือบทศวรรษเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จนี้ ความเห็นพ้องต้องกันในวันนี้คงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากปราศจากความก้าวหน้าที่พวกเขาได้รับจากความพยายามตลอดหลายปีที่ผ่านมา 

การตัดสินใจซึ่งได้รับการรับรองเป็นเอกฉันท์แล้วเกี่ยวกับมาตรา 6 จะมีบทบาทสำคัญในการรับรองความสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อม ความโปร่งใส และความแข็งแกร่งของตลาดคาร์บอนผ่านการลดและการกำจัดการปล่อยก๊าซที่แท้จริง เพิ่มเติม ตรวจสอบได้ และวัดได้ ในขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยศักยภาพมหาศาลในการขับเคลื่อนการลงทุนด้านสภาพภูมิอากาศระดับโลกอีกด้วย 

 

 

ตลาดคาร์บอนเครดิต ต้องออกแบบให้ใช้ได้จริง 

เคารพสิทธิมนุษยชน สนับสนุนการพัฒนายั่งยืน

โดยแนวปฏิบัติและกฎเกณฑ์ที่นำมาใช้ จะได้รับการออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าโครงการคาร์บอนยังคงใช้งานได้จริงและครอบคลุม เคารพสิทธิมนุษยชน และให้การสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ช่วยให้ประเทศต่าง ๆ และผู้พัฒนาโครงการสามารถร่วมมือกันภายใต้ข้อตกลงปารีสได้อย่างมั่นใจ 

 

 

กลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ยังไม่พอใจกับผล COP 29

ต้องการให้จัดสรรเงินอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านดอลล์ต่อปี

อย่างไรก็ตาม กลุ่มประเทศกำลังพัฒนายังไม่พอใจ และเรียกร้องให้มีการจัดสรรอย่างน้อย 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (44.2 ล้านล้านบาท) ต่อปี  ภายใต้องค์ประกอบสําคัญของข้อตกลงปารีส ซึ่งออกแบบมาเพื่อกําหนดเป้าหมายทางการเงินใหม่สนับสนุนประเทศกําลังพัฒนาในการดําเนินการด้านสภาพอากาศหลังปี 2025 (NCQG -New Collective Quantified Goal NCQG)

นอกจากนี้ยังมีข้อเสนอจากประธานกลุ่มประเทศเกาะเล็ก (AOSIS) ที่ต้องการเป้าหมายการจัดสรร 900,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี พร้อมกับเป้าหมายการระดมทุนที่ 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ทำให้รวมเป็น 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (44.2 ล้านล้านบาท) ต่อปี ซึ่งเป็นสิ่งที่กลุ่ม NCQG เห็นควรว่ามีการตกลงกัน

 

 

COP29 อนุมัติเพียง 10.2 ล่้านล้านบาท

แต่ในที่สุด ข้อความสุดท้ายเกี่ยวกับ NCQG ระบุเพียง 300ล้านดอลลาร์สหรัฐ (10.2 ล้านล้านบาท) ซึ่งไม่เพียงพอแม้แต่จะครอบคลุมถึง 724,430ล้านดอลลาร์สหรัฐ (24.63 ล้านล้านบาท) ที่จำเป็นต่อปีในการจัดการกับกองทุนการสูญเสียและความเสียหาย (Loss And Damage) ในประเทศกำลังพัฒนา แต่ยังไม่รวมถึงความต้องการด้านการปรับตัวและยืดหยุ่น (Adaptation) ตลอดจนการบรรเทาผลกระทบ (Mitigation)

ก่อนหน้านี้ NCQG มีพยายามที่จะเติมเต็มช่องว่างด้วยการสนับสนุนทางการเงินในการเปลี่ยนผ่านสภาพภูมิอากาศกับประเทศกำลังพัฒนาจากประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีเป้าหมายกำหนดไว้ที่ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.4 ล้านล้านบาท) 

“รู้สึกผิดหวังอย่างยิ่งกับผลลัพธ์นี้และวิธีการที่มันถูกนำมาใช้ที่ COP29 การนำมาใช้ไม่ได้เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และมีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสิ่งนี้ที่มีผลต่อความไว้วางใจในกระบวนการพหุภาคีนี้ในสหประชาชาติ (UN)” 

โดยประเทศกลุ่มกำลังพัฒนากล่าวว่า ประเทศพัฒนาแล้วไม่เพียงแต่ละเลยต่อภาระผูกพันด้านการเงินสภาพภูมิอากาศ (Climate Finance) อย่างชัดเจน แต่ยังแสดงให้เห็นว่าพวกเขาให้คุณค่าชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้คนในกลุ่มประเทศโลกใต้ ซึ่งประกอบไปด้วย แอฟริกา ลาตินอเมริกาและแคริเบียน เอเชีย (ยกเว้น อิสราเอล ญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้) และ โอเชียเนีย (ยกเว้น ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์) (Global South)โดยการปิดกั้น NCQG ที่จัดสรรเงินหลายล้านล้านดอลลาร์ที่จำเป็นสำหรับการปฏฺิบัติการสภาวะอากาศ (Climate Action)

กลุ่มประเทศโลกกำลังพัฒนาระบุว่า เราจะยังคงต่อสู้ เพื่อให้แน่ใจว่าประเทศกำลังพัฒนาและชุมชนภายในประเทศเหล่านั้นที่อยู่แนวหน้าของวิกฤตสภาพภูมิอากาศ (Climate Crisis) จะมีสิ่งที่พวกเขาต้องการในการจัดการกับการสูญเสียและความเสียหาย

 

ที่มา: https://cop29.az/en/media-hub/news/cop29-achieves-full-operationalisation-of-article-6-of-paris-agreement-unlocks-international-carbon-markets