แอร์แคนาดา เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ สู่แวนคูเวอร์ แทนต่อเครื่อง ทำให้ลดเวลาบินเหลือราว 15 ชั่วโมง ปักธงกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาค เชื่อมเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เข้าใกล้อเมริกาเหนือ พร้อมประกาศแผนลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์สู่อากาศ ทุกบาททุกสตางค์ที่ผู้โดยสารใช้จ่าย มีส่วนช่วยปลูกป่าผ่านโครงการ Carbon offset ปี 2568 เริ่มใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมุ่งเป้าสู่ Net Zero 2050
การขนส่งทางอากาศมีส่วนปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูง ไม่ต่างจากอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพราะใช้เชื้อเพลิงสูง อีกทั้งเครื่องบินส่วนใหญ่ยังคงใช้เชื้อเพลิงอากาศยานจากฟอสซิลที่เมื่อเผาไหม้จะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมาเป็นจำนวนมาก
ข้อมูลจาก Krungthai COMOASS ระบุว่า ในปี 2565 อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เกือบ 800 ล้านตัน คิดเป็นสัดส่วนราว 2% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลก หรือราว 10% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากภาคการขนส่ง ซึ่งมากเป็นอันดับ 3 ของภาคการขนส่ง รองจากการขนส่งทางถนน และทางเรือ
นอกจากนี้ ในระยะยาว ความต้องการเดินทางของผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทางอากาศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และการเพิ่มขึ้นของรายได้ประชากร โดยสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ คาดว่า ในปี 2593 จำนวนผู้โดยสารทางอากาศทั่วโลกอาจสูงถึง 10,000 ล้านคน ทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก มีโอกาสแตะระดับ 1,700 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้นถึง 2.2 เท่า เมื่อเทียบกับปี 2565
อุตสาหกรรมการบิน หนุนใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ
เมื่อการเดินทางโดยเครื่องบินมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการบินต้องสนับสนุนการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ รวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อรักษาระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของอุตสาหกรรมการบินไม่ให้เกินระดับที่เคยปล่อยในปี 2562 ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่สำคัญในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้แก่ การใช้เชื้อเพลิง SAF (Sustainable Aviation Fuel) เพื่อขับเคลื่อนให้อุตสาหกรรมการบินบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
‘แอร์แคนาดา’ ประกาศจุดยืนหนุนท่องเที่ยวรักษ์โลก
ทั้งนี้ แอร์แคนาดา (Air Canada) สายการบินแห่งชาติของแคนาดา เป็นหนึ่งในสายการบินที่ประกาศจุดยืนว่าจะสนับสนุนผู้คนท่องเที่ยวแบบรักษ์โลก ซึ่งเริ่มตั้งแต่ในสายการบินเอง ได้ลดการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ผ่านแผนงานและโครงการต่าง ๆ
อุตสาหกรรมการบินต้องขับเคลื่อนความยั่งยืน
มิสเตอร์ ฮอน แลม ผู้จัดการทั่วไปของแอร์แคนาดา ฮ่องกง จีนตอนใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แอร์ แคนาดา กล่าวว่า เราอยู่ในอุตสาหกรรมที่การผลิตคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ วันนี้อุตสาหกรรมจำเป็นต้องขับเคลื่อนธุรกิจไปในแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนไหนก็ตาม และแน่นอนว่าสายการบินก็เป็นอุตสาหกรรมใหญ่ที่จะต้องขับเคลื่อนเรื่องนี้ อย่างแอร์แคนาดา มีโครงการชื่อ Carbon offset เป็นการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จากสายการบิน การใช้บริการเครื่องบินจำเป็นต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ก็จริง เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยโลก แอร์แคนาดามีโครงการปลูกป่า
“ทุกบาททุกสตางค์ที่ลูกค้าใช้จ่ายไปกับแอร์แคนาดา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อตั๋วเครื่องบิน การซื้ออาหาร ฯลฯ เงินจำนวนนั้นก็จะผันไปเป็นกองทุนเพื่อนำไปปลูกป่าในหลาย ๆ ประเทศได้ เช่น อินโดนีเซียซึ่งมีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์มากแห่งหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฯลฯ เป็นโครงการขับเคลื่อนของสายการบินที่จะมุ่งไปสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 หรือไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ เลยภายในปี พ.ศ. 2593” มิสเตอร์ ฮอน แลม เผย
เริ่มใช้เชื้อเพลิงชีวภาพปี 2568
โดยแผน Net Zero 2050 เขาให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า มีนโยบายที่จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593 และปี พ.ศ.2568 จะเริ่มใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (SAF) หรือเชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ที่มาจากพืช หรือน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้ว ทดแทนการใช้พลังงานฟอสซิล เพราะการใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในการติดเครื่องยนต์จะช่วยลดการสร้างคาร์บอนได้ถึง 80%
“ตอนนี้สายการบินแอร์แคนาดาพยายามผสมการใช้ระหว่างเชื้อเพลิงชีวภาพ และเชื้อเพลิงฟอสซิลถ้าเครื่องบินสามารถรองรับได้ แต่การใช้เชื้อเพลิงชีวภาพมีต้นทุนสูงกว่าเชื้อเพลิงปกติมาก ในปีหน้าจะใช้เชื้อเพลิงชีวภาพ 1% ผสมกับเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยเป็นวัตถุดิบภายในประเทศแคนาดา”
นอกจากนี้ แอร์แคนาดายังจัดทำแคมเปญ ‘Leave Less, Do More’ ผ่านตัวอย่างกิจกรรมสำคัญภายใต้แนวคิด ‘Leave Less’ มุ่งเน้นลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 จนถึงปัจจุบัน โดยได้ร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนชุมชนและลดขยะอย่างต่อเนื่อง รายละเอียดของความสำเร็จจากโครงการ อาทิ การบริจาคชุดอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ยากไร้กว่า 24,000 ชุด บริจาคผ้านวมและแผ่นรองที่นอนกว่า 20,000 ชิ้น ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวกว่า 47.8 ล้านชิ้น และรีไซเคิลสิ่งทอจากเครื่องบินได้กว่า 16 ตัน
เปิดเส้นทางบินตรงกรุงเทพฯ-แวนคูเวอร์
ลดชั่วโมงเดินทาง เท่ากับปล่อยคาร์บอนฯน้อยลง
เมื่อไม่นานมานี้ สายการบินแอร์แคนาดา (Air Canada) ได้เปิดเส้นทางบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่นครแวนคูเวอร์ อีกครั้งหลังจากเปิดตัวเส้นทางดังกล่าวมาแล้วเมื่อปี 2565 มาจนถึงรอบวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ถึงพฤษภาคม และกลับมาปิดอีกครั้งตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2567-วันที่ 2 พฤษภาคม 2568
มิสเตอร์ ฮอน แลม มองว่า การเปิดบินตรงนอกจากจะเป็นเรื่องการตลาดแล้ว มองว่ายังเป็นอีกหนึ่งทางที่ช่วยลดชั่วโมงการบินของเที่ยวบินกรุงเทพฯ ไปสู่แวนคูเวอร์ แคนาดา โดยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นตลาดสำคัญที่มีศักยภาพการเติบโต ทั้งยังเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพสำหรับแอร์ แคนาดา เนื่องจากมีกลุ่มหลักคือ กลุ่ม VFR (Visit Friend & Relatives) เดินทางมาเยี่ยมเพื่อน หรือครอบครัว และกลุ่มนักเรียนที่ศึกษาต่อแคนาดา
ทั้งนี้ แอร์แคนาดาประกาศเปิดให้บริการเที่ยวบินตรงกรุงเทพฯ ถึงนครแวนคูเวอร์ โดยได้เพิ่มความถี่ของเที่ยวบินเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจ โดยเริ่มต้นจาก 3 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ จากนั้นเพิ่มเป็น 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยเที่ยวบินดังกล่าวจะให้บริการด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 787-9 ซึ่งมีประสิทธิภาพในการใช้เชื้อเพลิงสูงขึ้นประมาณ 20%
“การให้บริการเที่ยวบินตรงสามารถช่วยลดการผลิตคาร์บอนฯ ได้อีกทางหนึ่ง อีกทั้งทางสายการบินมองเห็นศักยภาพของประเทศไทยในการเดินทางไปยังทวีปอเมริกาเหนือถึงให้บริการเที่ยวบินตรงต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 เพราะนี่เป็นเส้นทางบินตรงจากไทยไปสู่อเมริกาเหนือเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้น สายการบินอื่นไม่มีบินตรงเส้นทางนี้ และยังเป็นเที่ยวบินตรงเที่ยวบินแรกจากทวีปอเมริกาเหนือสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย จากปีแรกที่เปิดให้บริการ ก็เห็นความต้องการของผู้โดยสารจากทวีปอเมริกาเหนือที่มีความต้องการเดินทางมายังภูมิภาคนี้อย่างมาก”
แอร์แคนาดา สายการบินแห่งชาติของแคนาดา
สำหรับแอร์แคนาดา เป็นสายการบินที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาและเป็นสายการบินประจำชาติของประเทศ ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1937 ให้บริการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าไปยังจุดหมายปลายทางมากกว่า 200 แห่งทั่ว 6 ทวีป มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองมอนทรีออล รัฐควิเบก และศูนย์กลางหลักอยู่ที่สนามบินนานาชาติโตรอนโตเพียร์สัน
บินตรงจากไทยสู่แวนคูเวอร์
คนไทยเที่ยวแคนาดา ลงทะเบียน eTA
มิสเตอร์ ซันจีฟ เชาเดอรีย์ ที่ปรึกษา (พาณิชย์) และกรรมาธิการการค้าอาวุโส สถานทูตแคนาดาประจำประเทศไทย กล่าวว่า การเปิดเส้นทางบินตรงจากทวีปอเมริกาเหนือ สู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นเส้นทางบินตรงเส้นทางเดียวที่จะเชื่อมระหว่างสองทวีปให้เข้าใกล้กัน มากกว่าเดิมที่ต้องใช้เวลาราว 15 ชั่วโมง ไม่ต้องต่อเครื่อง สอดคล้องกับที่รัฐบาลแคนาดาเปิดตัวยุทธศาสตร์อินโดแปซิฟิกใหม่ ที่มุ่งมั่นเพิ่มการมีส่วนร่วมกับผู้คน และเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่กำลังเติบโต และมีบทบาทสำคัญในแผนงานของแคนาดา
แคนาดามุ่งมั่นพัฒนาเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่เน้นความยั่งยืนตลอด 4 ฤดูกาล โดยคำนึงถึงทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล ด้วยบริการเที่ยวบินตรงจากอเมริกาเหนือสู่ประเทศไทยโดยสายการบินแอร์แคนาดา และโครงการ eTA ใหม่ เป็นปัจจัยเอื้อให้คนไทยสามารถเดินทางไปเยือนแคนาดาได้อย่างง่ายดาย และสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
โดย eTA คือ เอกสารอนุมัติการเดินทางเข้าประเทศผ่านระบบออนไลน์ เป็นข้อกำหนดสำหรับชาวต่างชาติที่ได้รับการยกเว้นวีซ่า สำหรับคนที่เคยมีวีซ่าแคนาดาในช่วงไม่เกิน 10 ปีที่ผ่านมา หรือเป็นผู้ถือวีซ่าชั่วคราวของสหรัฐอเมริกาที่ยังไม่หมดอายุ โดยที่การยื่นขอ eTA สามารถขอทางออนไลน์ได้ ใช้เวลาแค่ 10 นาที ไม่ต้องต้องสแกนนิ้ว ไม่ต้องมี Statement รายการทางการเงิน เป็นเหมือนการทำวีซ่าออนไลน์
อย่างไรก็ตาม สำหรับเที่ยวบินใหม่นี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการมุ่งมั่นของแอร์ แคนาดาที่จะยกให้กรุงเทพฯ เป็นอีกหนึ่งศูนย์กลางการบินสำคัญในภูมิภาคนี้ในการต้อนรับเที่ยวบินจากทวีปอเมริกาเหนือต่อไปในอนาคต ในเวลาเดียวกันยังเป็นส่วนหนึ่งของการแบรนด์ดิ้งประเทศ ให้กับตลาดที่เข้าไปให้บริการได้รู้จักและคุ้นเคยกับแคนาดามากขึ้น โดยเฉพาะในมิติด้านการท่องเที่ยว เพื่อกระตุ้นให้ผู้คนเห็นว่าแคนาดา ก็เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของการเดินทางมาพักผ่อน – มาท่องเที่ยว เหมือนเช่นที่คนเอเชียนิยมเดินทางไปท่องเที่ยวในยุโรป
ล่าสุด แอร์แคนาดายังได้จับมือกับ เคทีซี หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในการร่วมสนับสนุนคนไทยสามารถเดินทางไปยังแคนาดาได้สะดวกมากขึ้นผ่านโปรแกรมและโปรโมชั่นต่าง ๆ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ KTC WORLD