เมื่อนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ ‘คลอเดีย เชนบาม’ เป็นผู้นำเม็กซิโก ท่ามกลางวิบากกรรมทางการเมืองรุมเร้า

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศ ‘คลอเดีย เชนบาม’ เป็นผู้นำเม็กซิโก ท่ามกลางวิบากกรรมทางการเมืองรุมเร้า

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ชาวเม็กซิกันได้เลือกคลอเดีย เชนบาม (Claudia Sheinbaum) เป็นผู้นำคนใหม่ ซึ่งถือเป็นการบุกเบิกเส้นทางใหม่ไม่เพียงแต่ด้วยการเลือกตั้งประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศมาเป็นผู้นำของประเทศใหญ่แห่งหนึ่งอีกด้วย

โดย: วันทนา อรรถสถาวร

 

ปรากฏการณ์การเอาชนะทางการเมืองถล่มทลายในประเทศเม็กซิโก เป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลต่อการขับเคลื่อนโลกที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง เพราะการเอาชนะการเลือกตั้งของ คลอเดีย เชนบาม ปาร์โด (Claudia Sheinbaum Pardo) ได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นประธานาธิบดีหญิงแห่งเม็กซิโกคนแรกที่ได้รับการเลือกตั้ง มีวาระการทำงานในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 14 ของโลก ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2024 -2030 (พ.ศ. 2567-2573) ได้ครองคะแนนเสียงจากประชาชนสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 1982 (พ.ศ. 2525)

 

 ผู้นำหญิง นักวิทยาศาสตร์

ความหวังวิกฤติสภาพอากาศ

จุดพลิกสำคัญที่ทำให้เธอเป็นผู้นำที่โดดเด่น ในด้านการต่อสู้ด้านความเท่าเทียมทางเพศ และความหลากหลายทางเพศมายาวนาน และยังเป็นอดีตนักวิทยาศาสตร์ที่ทำหน้าที่ในการต่อสู้ด้านสิ่งแวดล้อม ยังเป็นภารกิจที่ตอบโจทย์ผู้นำ ที่ยุคโลกเดือดกำลังต้องการ

ผลงานและประวัติการทำงานเชนบาม ค่อนข้างโดดเด่นการต่อสู้ด้านสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นนักวิทยานักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ก่อนหน้านี้ มีนักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของ IPCC ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีด้านสิ่งแวดล้อมในประเทศต่างๆ เช่น ชิลีและอียิปต์ แต่ยังไม่เคยเห็นนักวิทยาศาสตร์จากIPCC มาดำรงตำแหน่งถึงระดับผู้นำระดับประเทศ

 เธอเคยเป็นวิศวกรด้านพลังงาน ในคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) สัญญาว่าจะลงทุนเกือบ 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 478,000 ล้านบาท) ในพลังงานสะอาด และเพิ่มการขนส่งสาธารณะทั้งรถบัสและรถไฟฟ้า เพื่อแก้ไขปัญหาสภาพภูมิอากาศที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่

  เซนบาม ยังได้เสนอให้เปเม็กซ์ขยายขอบเขตการดำเนินกิจการเพื่อรวมถึงการขุดลิเธียมซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของแบตเตอรี่ไฟฟ้า  เพื่อเป็นการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน

 เธอกล่าวกับกลุ่มนักธุรกิจชาวเม็กซิกันเมื่อเดือนเมษายนว่า เราต้องเร่งส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน เรากำลังดำเนินการตามแผนพลังงานแห่งชาติไม่เพียงแต่จนถึงปี 2030 (พ.ศ. 2573) เท่านั้น แต่จนถึงปี 2050 (พ.ศ.2593) ด้วย

 

ครอบครัวนักวิทยาศาสตร์

เชนบามมีการศึกษาที่เพรียบพร้อมด้านคุณวุฒิ เติบโตในเมืองเม็กซิโกซิตี้กับพ่อแม่ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยแห่งชาติเม็กซิโก (UNAM) และในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เธอใช้เวลาสี่ปีที่ห้องปฏิบัติการแห่งชาติ ลอว์เรนซ์ เบิร์กลีย์ (Lawrence Berkeley) ในแคลิฟอร์เนียทำปริญญาเอกด้านการปล่อยพลังงานและปัญหาสิ่งแวดล้อมในภาคการขนส่งของเม็กซิโกซิตี้

 หลังจากดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของนายกเทศมนตรีเมืองเม็กซิโก โลเปซ โอบราดอร์ ในขณะนั้น เธอได้กลับมาที่ UNAM และช่วยเขียนรายงานการประเมินเรือธงของ IPCC เกี่ยวกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2007 (พ.ศ. 2550 )และ2014 (พ.ศ. 2557) งานวิจัยของเธอเกี่ยวกับการการปล่อยก๊าซซีเมนต์ในเม็กซิโก ได้ถูกอ้างอิงเช่นเดียวกับผู้เขียน IPCC ทุกคน เธอทำงานเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับค่าจ้าง

 

 

อดีตนายกเม็กซิโกซิตี้

คำสัญญาณที่รอการปฏิบัติ

 เชนบามเข้าสู่เส้นทางการเมืองกับพรรคโมเรน่า (MORENA) แนวซ้ายจัดใหม่ของโลเปซ โอบราดอร์ (López Obrador) และได้รับเลือกให้เป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเม็กซิโกซิตี้ในปี 2018 (พ.ศ. 2561) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอดำรงอยู่จนกระทั่งเธอลาออกเมื่อปีที่แล้ว เพื่อลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีระดับชาติ

 รูธ เซเรโซ-โมต้า (Ruth Cerezo-Mota) นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศของ UNAM กล่าวว่า ในฐานะนายกเทศมนตรี เธอสนับสนุนพลังงานแสงอาทิตย์ แต่ยังไม่เห็นสัญญาณใด ๆ ของเชนบามเลยที่พยายามแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่ร้ายแรงของเมือง

 โซชิตล์ ครูซ นูเญซ (Xochitl Cruz Núñez) นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศของ UNAM อีกคนหนึ่งซึ่งทำงานร่วมกับเชนบามในรายงานการประเมินผลครั้งที่ 5 ของ IPCC บอกกับ Climate Home ว่าการทำงานด้านสภาพอากาศของเชนบามในตำแหน่งนายกเทศมนตรีมีน้อยมาก

ครูซ นูเญซ วิพากษ์วิจารณ์ระบบรถประจำทางพลังงานดีเซลของเมือง การขาดแคลนน้ำ และการขยายตัวของเมืองภายใต้การนำของเชนบาม โดยกล่าวว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้มีการก่อสร้างที่ “ไม่สามารถควบคุมได้” ในพื้นที่อนุรักษ์โดยรอบ

 

  

ความคลางแคลงใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับกลุ่มพลังงานฟอสซิล

อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ด้านสภาพอากาศและนักวิเคราะห์กชาวเม็กซิกันบางคนกล่าวว่าพวกเขาสงสัยว่าเธอจะรักษาคำสัญญาเรื่องการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด และเศรษฐกิจสีขียวของเธอได้หรือไม่

พวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ประวัติของเธอเมื่อครั้งที่เคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองเม็กซิโก (Mexico City)  ตั้งแต่ปี  2018 – 2023 (พ.ศ. 2561-2566) เคยมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า ขับเคลื่อนด้านสภาพภูมิอากาศ แต่ผลในทางปฏิบัติ การขับเคลื่อนกลับค่อย ๆ ลดลงไป เพราะความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของเธอกับ  ประธานาธิบดีคนปัจจุบันอันเดรส มานูเอล โลเปซ โอบราดอร์ (Andrés Manuel López Obrador)ที่สนับสนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล 

 สำนักข่าว Climate Home รายงานว่า คาร์ลอส รามิเรซ (Carlos Ramirez) นักวิเคราะห์ความเสี่ยงทางการเมืองและหุ้นส่วนของบริษัท อินเทกทาเลีย คอนซัลแทนท์ส (Integralia Consultants) กล่าวว่า ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าความมุ่งมั่นของเธอต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้นเป็นเรื่องจริง นั่นถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีจากสิ่งที่เราได้เห็นมาจนถึงตอนนี้ภายใต้รัฐบาลปัจจุบัน แต่ความใกล้ชิดกับผู้นำและนักการเมืองคนอื่นๆ เป็นสิ่งที่น่าจับตา

 “จะมีผีของโลเปซ โอบราดอร์คอยหลอกหลอนเธอ เป็นมรดกที่ส่งต่อทำให้เธอขยับตัวไม่ได้มากนักจากสิ่งที่เราเห็นอยู่ตอนนี้ และผู้คนที่อยู่รายล้อมเขานั้นจะคอยเฝ้าดูเธออย่างใกล้ชิด หากเธอเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อสิ่งแวดล้อม เธอจะต้องยอมจ่ายราคาทางการเมืองเพื่อลบล้างภาพความเชื่อมโยงและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโลเปซ โอบราดอร์ แต่จนถึงตอนนี้ เธอไม่ได้ให้หลักฐานใดๆ ว่าเธอจะทำอย่างนั้น”

 

 

มรดกของ AMLO

ก่อนหน้านี้ เม็กซิโกได้รับชื่อเสียงว่าเป็นผู้นำด้านการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศโดยผ่านกฎหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศฉบับแรกๆ  ของประเทศกำลังพัฒนาเมื่อปี 2012 (พ.ศ. 2553) แต่ความก้าวหน้าบางส่วนกลับถูกพลิกกลับในช่วงที่โลเปซ โอบราดอร์ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

 ประธานาธิบดีที่กำลังจะพ้นตำแหน่งได้รื้อถอนนโยบายและสถาบันด้านสภาพอากาศ และส่งเสริมอธิปไตยด้านพลังงานผ่านการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิลในประเทศ ส่งผลให้พลังงานกลับคืนสู่มือของบริษัทที่รัฐเป็นเจ้าของ เช่น บริษัทไฟฟ้า CFE และบริษัทน้ำมันและก๊าซยักษ์ใหญ่ PEMEX

 รัฐบาลของเขาลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์ในโครงสร้างพื้นฐานด้านน้ำมันและก๊าซ และปิดกั้นการลงทุนของภาคเอกชนในพลังงานหมุนเวียน ปัจจุบันเม็กซิโกเป็นเพียงหนึ่งในสองประเทศในกลุ่ม G20 ที่ไม่มีเป้าหมายการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ และได้ลดเป้าหมายในการลดการปล่อยมลพิษภายในปี 2030

 

นักวิเคราะห์การเมืองมองนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของเชนบามยังห่างไกลความเป็นจริง

 นักวิเคราะห์การเมืองรามิเรซ (Ramirez) กล่าวว่าการที่เชนบามยึดมั่นในแนวทางทางการเมืองร่วมกับ โลเปซ โอบราดอร์  ขัดขวางโอกาสของเธอในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศที่ทะเยอทะยานมากขึ้น

 “เชนบามกำลังพูดเสียงดังเกี่ยวกับการนำพลังงานหมุนเวียนกลับเข้าสู่ระบบ แต่ในเวลาเดียวกัน เธอก็ต้องการที่จะให้ความต่อเนื่องกับนโยบายพลังงานของโลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งกลายเป็นปัญหาที่ขบกันระหว่าง 2 ทิศทางที่แตกต่างกัน” เขากล่าว

 ในระหว่างการหาเสียงเชนบาม ได้สัญญาทุกสิ่งทุกอย่างกับประชาชนทุกคน โดยบอกว่าเธอจะสานต่อนโยบายของโลเปซ โอบราดอร์ และจะทำเพื่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นด้วย

 นั่นหมายความว่าโครงการรถไฟซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานหลักของโลเปซ โอบราดอร์ เพื่อพัฒนาภูมิภาคที่ยากจนที่สุดในประวัติศาสตร์ จะยังคงวิ่งผ่านป่าดิบชื้นที่ใหญ่เป็นอันดับสองของละตินอเมริกาต่อไปเชนบามยังเสนอให้ขยายเส้นทางไปยังเบลีซและกัวเตมาลาซึ่ง เป็นประเทศเพื่อนบ้านด้วย

 นอกจากนี้ ยังจะสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับโครงการ เซมบรันโด วิดา ซึ่งเป็นโครงการด้านป่าไม้และการพัฒนาชนบทของ โลเปซ โอบราดอร์ ที่ได้รับเงินสนับสนุนมาโดยตลอด เนื่องจากงบประมาณของหน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐถูกตัดลดลงถึงแม้ว่าผลลัพธ์ของโครงการจะยังไม่ชัดเจนนักและยังมีรายงานว่าโครงการนี้ยังส่งเสริมการตัดไม้ทำลายป่าด้วย

และจะมีเงินภาครัฐเพิ่มมากขึ้นสำหรับเปเม็กซ์ (Pemex) ในขณะที่บริษัทกำลังดิ้นรนภายใต้ภาระหนี้และพยายามเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน

 จากรัฐบาลของโลเปซ โอบราดอร์ ซึ่งไม่เพียงแต่ลงทุนน้อยมากในพลังงานหมุนเวียน แต่ยังเพิกถอนหรือปิดกั้นใบอนุญาตสำหรับโครงการเอกชน อีกด้วย

 แต่แล้วเมืองก็ไม่เห็นการปรับปรุงที่ดีขึ้นในปัญหาสิ่งแวดล้อมพื้นฐานทั้งสองประการ ได้แก่ มลพิษทางอากาศและการขาดแคลนน้ำ

 อีกด้านหนึ่งดิเอโก ริเวร่า ริโวต้า (Diego Rivera Rivota) นักวิจัยจากศูนย์นโยบายพลังงานโลกแห่งมหาวิทยาลัยโคลัมเบียกล่าวไม่เพียงแต่เราจะยังไปไม่ใกล้ถึงจุดที่ก่อนหน้าประธานาธิบดีคนปัจจุบันจะหมดอายุลง แต่เรายังไม่มีแผนที่เจาะจงและมีรายละเอียดใด ๆ ในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวเลย ไม่ต้องพูดถึงการจัดหาเงินทุนและโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นรูปธรรม

 เมื่อเธอดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเม็กซิโกซิตี้ มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงแนวทางที่เธออาจใช้ในฐานะประธานาธิบดี ด้วยการเน้นที่พลังงานแสงอาทิตย์ ระบบขนส่งสาธารณะที่ใช้ไฟฟ้า และเส้นทางกระเช้าลอยฟ้าสายใหม่

 ครูซ นูเญซ กล่าวว่าเชนบามตั้งใจที่จะรักษาอำนาจของรัฐในการดูแลน้ำมันและไฟฟ้า ขณะเดียวกันก็ระดมทรัพยากรสาธารณะเพื่อพลังงานหมุนเวียน แต่ตั้งคำถามว่าวิธีนี้เพียงอย่างเดียวจะได้ผลหรือไม่

 เธอเสริมว่า “ฉันคิดว่าจำเป็นต้องมีการลงทุนจากภาคเอกชนหากต้องการนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้ในระดับที่จำเป็นเพื่อให้เม็กซิโกสามารถบรรลุคำมั่นสัญญาภายใต้ข้อตกลงปารีสได้”

 ครูซ นูเญซ แสดงความหวังว่าหลังจากที่เชนบามชนะการเลือกตั้งแล้ว จะใช้ประโยชน์จากความเป็นอิสระใหม่ของเธอจากโลเปซ โอบราดอร์เพื่อจัดทำโปรแกรมที่ชัดเจนในการลดการปล่อยก๊าซของเม็กซิโกและปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 “ฉันเชื่อว่าเธอมีความรู้เพียงพอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความจำเป็นในการแก้ปัญหานี้” เธอกล่าวเสริม

 ส่วน อลานิส จาก เซมดา (Alanís จาก CEMDA) กล่าวว่า ยังมีความหวังและมีการลงคะแนนไว้วางใจในตัวเชนบามแต่เราจะเฝ้าระวังและตรวจสอบการกระทำของรัฐบาลของเธอเป็นประจำทุกวัน

 “และถ้าจำเป็นเราจะเปล่งเสียงของเราออกมา”

 

ที่มา: https://www.climatechangenews.com/2024/06/03/mexico-elects-a-climate-scientist-as-president-but-will-politics-temper-her-green-ambition/

https://www.theguardian.com/world/article/2024/jun/10/claudia-sheinbaum-mexico-climate

 Mexico’s new president promises to resume fight against climate change | AP News