ผลสำรวจค่านิยมการทำงานคนรุ่นใหม่ มองทำงานยืดหยุ่น กุญแจสำคัญสู่การเติบโตในอาชีพ

ผลสำรวจค่านิยมการทำงานคนรุ่นใหม่ มองทำงานยืดหยุ่น กุญแจสำคัญสู่การเติบโตในอาชีพ

สลิงชอท กรุ๊ป (Slingshot Group) บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร เปิดผลสำรวจค่านิยมการทำงานของเจนเนอเรชั่นใหม่ และปัญหาด้านความเท่าเทียมของผู้นำชายและหญิง ชี้คนเจนใหม่ 48% ชอบการฟีดแบคเชิงสร้างสรรค์เป็นรายสัปดาห์ และ 73% ใช้วันลาหยุดเพื่อฟื้นฟูจิตใจ

 

ในปัจจุบัน เป็นยุคของคน Gen Z ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดแรงงานของไทย ด้วยความที่อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีนี้ทำให้คน Gen Z มีความสามารถในการเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว มีการอัพเดทเรื่องราวในสังคมออนไลน์อยู่ตลอดเวลา คนกลุ่มนี้จึงมั่นใจในตัวเองสูง แต่ขณะเดียวกันก็เปิดกว้างทางความคิดทั้งยังมีแนวโน้มเป็นมนุษย์หลายงาน ดังนั้นผู้นำองค์กร จึงต้องเข้าใจถึงความหลากหลายในองค์กร โดยเฉพาะเรื่องของช่วงวัยคนทำงาน ซึ่งการทำงานที่มีช่องว่างระหว่างวัยค่อนข้างกว้างอาจส่งผลให้เกิดปัญหา จากรูปแบบการทำงานที่ไม่ตรงกัน

สลิงชอท กรุ๊ป (Slingshot Group) บริษัทที่ปรึกษาด้านการพัฒนาผู้นำและองค์กร เปิดผลสำรวจค่านิยมการทำงานของเจนเนอร์เรชั่นใหม่ และปัญหาด้านความเท่าเทียมของผู้นำชายและหญิง ซึ่งมีความเหมือนและแตกต่างกันหลายมิติ

 

 

อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริหาร บริษัท สลิงชอท กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับสถาบันพัฒนาผู้นำระดับโลกCenter for Creative Leadership (CCL) โดยนำข้อมูลอินไซต์จากผลงานวิจัยจากผู้นำทั่วโลกและหลักสูตรระดับโลกมาเปิดประสบการณ์การพัฒนาผู้นำไทย 

และเมื่อต้นปี 2567 สลิงชอท กรุ๊ป ยังได้จัดตั้งหน่วยงานวิจัย (Research Division) สร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มลูกค้าด้วยข้อมูลที่แม่นยำและตอบโจทย์บริบทสังคมไทย 

ทั้งนี้ในปี 2567 ได้สำรวจค่านิยมและแนวคิดการทำงานที่แตกต่างกันระหว่างเจนเนอเรชั่นใหม่กับเจนเนอเรชั่นมากประสบการณ์ (Next Gens Think and Work Differently) ผ่านการแลกเปลี่ยนข้อมูลจากผู้นำองค์กรและผู้นำฝ่าย HR กว่า 242 คนในไทย เพื่อเตรียมพร้อมให้ผู้นำรุ่นใหม่สามารถทำงานร่วมกับทีมงานที่มีหลากหลายเจนเนอร์เรชั่นด้วยความร่วมแรงร่วมใจ ซึ่งพบประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ดังนี้

 

-สัดส่วน 48% ของเจนใหม่ชอบการฟีดแบคเชิงสร้างสรรค์เป็นประจำรายสัปดาห์ ในทางกลับกันเจนมากประสบการณ์มักปฏิบัติเป็นรายเดือน หรือรอจนจบโปรเจกก่อน

-เจนใหม่ให้ความสำคัญกับ ‘ทำไมจึงต้องทำ (why)’ แต่เจนมากประสบการณ์ให้ความสำคัญกับวิธีการว่าทำ ‘อย่างไร (How)’

-จุดหมายปลายทาง คือนิยามความสำเร็จทางอาชีพของเจนใหม่ ซึ่งหมายถึง การได้รับชัยชนะเล็ก ๆในแต่ละวัน ในขณะที่เจนมากประสบการณ์มองความสำเร็จว่าเป็น ‘การเดินทาง’ โดยให้ความสำคัญกับการทุ่มเทในการทำงาน

-สัดส่วน 85% ของทั้งสองเจนมองว่า Work-Life Balance เป็นกุญแจสำคัญไปสู่การเติบโต และต้องการชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น

-สัดส่วน73% ของคนเจนใหม่ใช้วันลาหยุดเพื่อฟื้นฟูจิตใจ และยังต้องการให้มีการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตในที่ทำงานอย่างเป็นปกติ

ทั้งนี้ คนทั้ง 2 เจนมองว่า ผู้นำที่โปร่งใสควรแบ่งปันประสบการณ์ความล้มเหลว พูดและกระทำสอดคล้องกัน และให้ข้อมูลอัปเดตข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์ของบริษัทเป็นประจำ

 

สำรวจปัญหาความเท่าเทียมในองค์กร

และความรับผิดชอบครอบครัว

นอกจากนี้ สลิงชอท กรุ๊ป ยังได้ร่วมกับ CCL สำรวจประเด็นปัญหาด้านความเท่าเทียมของผู้นำชายและหญิงผ่านผลสำรวจ Elevate the System 2024 จากผู้ตอบแบบสำรวจจำนวน 894 คนใน 5 ประเทศรวมถึงประเทศไทย 

โดยพบว่า ในประเทศไทย 43% ของผู้ชายเชื่อว่าผู้หญิงเลือกที่จะให้ความสำคัญกับครอบครัวมากกว่าการทำงาน โดยทั้งผู้ชาย (44%) และผู้หญิง (51%) มองว่าความคาดหวังเรื่องการรับผิดชอบในครอบครัว อาจขัดขวางความก้าวหน้าในอาชีพของผู้หญิง อีกทั้งผู้หญิงมักได้รับโอกาสและข้อเสนอมากกว่าผู้ชาย แต่ในขณะเดียวกันก็มีแนวโน้มที่จะไม่แสวงหาและรับโอกาสในการพัฒนาเท่าผู้ชาย

ซึ่งจากผลสำรวจทั้ง 2 ประเด็น นำมาสู่การสร้างสรรค์แนวทาง ‘REAL Way of Work’ หรือ ‘REAL WoW’ ที่ชวนผู้นำรุ่นใหม่เปิดใจ ยอมรับ เข้าใจ และโอบรับความหลากหลายทางเจนเนอร์เรชั่นและเพศ เพื่อให้สามารถประสบผลสำเร็จในการทำงานร่วมกัน โดยประกอบด้วย 

R: Respect Individuality – เคารพความเป็นเอกลักษณ์ ไม่เหมารวมและมองลึกถึงตัวตนและจุดแข็งของแต่ละคน 

E: Evolve Conversation – สร้างสภาพแวดล้อมดีต่อใจพนักงาน (Psychological Safety) ทำให้พนักงานรู้สึกปลอดภัยที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนได้ โดยไม่กลัวว่าจะถูกตัดสิน 

A: Activate Growth Strategies – สนับสนุนการเติบโตตามต้องการ โดยเตรียมพร้อมระบบองค์กรที่รองรับเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างกันไปของพนักงาน 

L: Lead Inclusively – นำพาทีมให้เป็นหนึ่งเดียว โดยจะต้องรับฟัง เข้าอกเข้าใจ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อใจให้พนักงาน

 

ผู้นำต้องเปิดใจต่อความหลากหลาย

ทั้งนี้เมื่อไม่นานนี้ สลิงชอท กรุ๊ป ได้จัดงาน ‘Leading the Future Forum 2024’ โดยยกทัพผู้บริหารและผู้เชี่ยวชาญชั้นนำมาแลกเปลี่ยนเคล็ดลับการการพัฒนาผู้นำองค์กรสู่ระดับโลก ประกอบด้วยดร. การดี เลียวไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่อนาคตศาสตร์ บริษัท ฟิวเจอร์เทลส์ แล็บ โดย MQDC, อโณทัย เวทยากร กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไอบีเอ็ม ประเทศไทย, และณัฐวุฒิ เกียรติไชยากร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรบุคคล บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด โดยทั้ง 3 คนมีมุมมองต่อการสร้างวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นหนึ่งเดียวว่าจะต้องเริ่มต้นขึ้นจากผู้นำ ที่เปิดใจและมีความรับผิดชอบต่อความหลากหลายในองค์กรอย่างแท้จริง โดยทำให้เป็นเรื่องธรรมชาติและปกติ รับฟังและเคารพมุมมองที่แตกต่าง และสามารถนำจุดแข็งเฉพาะตัวของทีมงานแต่ละเจนเนอร์เรชั่นและเพศมาพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อองค์กรมากที่สุด

“การขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบันจะต้องมี 3 องค์ประกอบสำคัญด้วยกัน ได้แก่ กลยุทธ์ (Strategy) การเป็นผู้นำ (Leader & People) และวัฒนธรรมองค์กร (Culture) เมื่อกลยุทธ์พร้อม ผู้นำเข้าใจและบริหารทีมงานบนความหลากหลาย จนสามารถสร้างวัฒนธรรมองค์กรอันเป็นหนึ่งเดียวให้เกิดขึ้นได้ จะนำไปสู่การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างยั่งยืน”