หมอต้นไม้ หรือ รุกขกร (Aborist) เป็นอาชีพต้องการในยุคโลกเดือด ช่วยเยียวยา รักษาการป่วยไข้ของต้นไม้ ที่มีผลต่อสภาวะจิตใจของเมืองกรุง
การขยายยายตัวของเมืองนำไปสู่การขาดแคลนต้นไม้ลดลง พื้นที่อยู่อาศัยมาแทนที่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จึงต้องหันกลับมาดูแลไม้ในระบบนิเวศและชุมชนของเรา ไปคู่กับการมีพื้นที่อยู่อาศัย ทำให้ความต้องการนักปลูกต้นไม้ ดูแลรักษาต้นไม้ที่มีทักษะกำลังเพิ่มขึ้น เพราะต้นไม้คือธรรมชาติ ในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยลดความเครียด และยังมีมูลค่าในการดึงดูดธุรกิจ ในยุคต่อไป ที่พักอาศัยมีพื้นที่สีเขียวมาก จะมีมูลค่าสูง เพราะต้นไม้ ช่วยรักษาสมดุลให้กับโลก จึงต้องมีผู้ดูแลรักษาชีวิตต้นไม้ให้เติบโต เป็นร่มเงา ปกปักษ์รักษาโลก และดูแลสุขภาพของคนในสังคม
ทำไมหมอต้นไม้ จึงเป็นอาชีพที่มาแรง
การเป็นหมอต้นไม้ ในปี 2024 และต่อไป จะมีโอกาสและความต้องการการจ้างงานเกิดขึ้นมากมาย ด้วยเหตุผลดังนี้
-ต้องการผู้ดูแลต้นไม้ในที่อยู่อาศัยและเชิงพาณิชย์
เจ้าของพื้นที่พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เริ่มตระหนักถึงคุณค่าของการดูแลต้นไม้อย่างถูกต้อง จึงต้องการให้หมอต้นไม้ที่สามารถให้บริการตัดแต่ง ปลูก และบำรุงรักษา ให้เติบโตขึ้น
-การจัดการป่าในเมืองและเทศบาล
เมืองและชุมชนต่างๆ กำลังลงทุนในโครงการป่าในเมืองมากขึ้นเพื่อจัดการและขยายพื้นที่ต้นไม้ หมอต้นไม้มีความจำเป็นในการพัฒนาและดำเนินการแผนการจัดการ ดูแลโครงการปลูกและบำรุงรักษา และมีส่วนร่วมกับชุมชน
-การให้คำปรึกษาและการวินิจฉัยวิเคราะห์โรคในต้นไม้
หมอต้นไม้ที่มีความรู้เฉพาะทางในการวินิจฉัยอาการสุขภาพต้นไม้ และการประเมินความเสี่ยงมีความต้องการสูงในฐานะที่ปรึกษาสำหรับเจ้าของทรัพย์สิน นักพัฒนา และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย
-การวิจัยและการศึกษา
เมื่อสาขาการดูแลต้นไม้ยังคงพัฒนาไป มีความต้องการหมอต้นไม้ที่สามารถทำการวิจัย พัฒนาเทคโนโลยีและเทคนิคใหม่ๆ และให้การศึกษาแก่ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลต้นไม้รุ่นต่อไป
ไม่ว่าคุณจะเพิ่งเริ่มต้นอาชีพหรือกำลังมองหาการเปลี่ยนแปลง อุตสาหกรรมการดูแลต้นไม้เสนอเส้นทางที่มีคุณค่าและมีชีวิตชีวาสำหรับผู้ที่หลงใหลในการสร้างความแตกต่างในชีวิตของต้นไม้และชุมชนที่พวกเขาให้บริการ
รู้จักงาน ของหมอต้นไม้ หรือ รุกขจร
งานของหมอ มีหน้าที่ในการวินิจฉัยโรค ทำความเข้าใจอาการและปัญหาสุขภาพ วางแผนการดูแลรักษาที่เหมาะสม สิ่งมีชีวิตทุกชนิดบนโลกต้องพึ่งพาหมอผู้เชี่ยวชาญ เมื่อมีอาการเจ็บป่วยไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ แต่มีอีกสิ่งหนึ่งมีชีวิตที่อาจถูกละเลยไป เพราะอยู่นิ่งไม่ไหวติงยืนต้นใหญ่อยู่ลำพังนั้นก็คือ ต้นไม้
‘หมอต้นไม้’ หรือ ‘รุกขจร’ จึงมีหน้าที่คอยประเมินอาการ ดูแลต้นไม้ใหญ่อย่างถูกโรคถูกวิธี เพราะต้นไม้เหมือนคนยืนอยู่ตามลำพังปราศจากสิ่งกำบังใด ๆ อากาศหนาวก็ไม่มีผ้าห่ม อากาศร้อนก็ไม่มีน้ำคอยลดให้ ในปัจจุบันต้นไม้ไม่อาจทนต่อสภาพแวดล้อมตึกสูงบังแสงอาทิตย์ พื้นป่าคอนกรีต หรือการตัดที่เหลือแต่ตอและสายไฟฟ้าพาดกิ่งได้อีกต่อไป
ซึ่งต้นไม้พูดไม่ได้ เราจึงต้องอาศัยการสังเกตและการดูแลรักษา ผ่านผู้เชี่ยวชาญที่มีใจรัก เข้าใจธรรมชาติและสุขภาพของต้นไม้ หมอต้นไม้จึงสามารถให้คำปรึกษา ป้องกันต้นไม้จากภัยต่าง ๆ ตั้งแต่ใบจนถึงลำตัน อาทิ ภัยธรรมชาติ โรคพืช แมลง รวมไปถึงการโค่นต้นไม้ ที่ทำจะช่วยให้ต้นไม้สามารถยืนต้นได้ตามธรรมชาติอย่างงดงาม ไม่ใช่โดนลิบใบจนเหี่ยวแห้ง
หมอต้นไม้ วิชาชีพที่ยังไม่ถูกบรรจุลงในประเทศไทยและรอการสนับสนุน
หมอต้นไม้ เริ่มเป็นที่รู้จักในประเทศไทยเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา จากกิจกรรมอบรมและส่งเสริมทักษะความรู้ต่าง ๆ แต่ปัจจุบันยังคงเป็นอาชีพอิสระ ภาครัฐยังไม่มีใบรับรองระดับสากลรองรับอาชีพตามหลัก ISA หรือ International Society of Arboriculture แม้จะยังไม่มีการพลักดันวิชาชาชีพดังกล่าวอย่างเป็นทางการแต่ในประเทศไทยมีการก่อตั้ง สมาคมรุกขกรรมไทย (Thai Arboriculture Association – TAA) ในปี พ.ศ. 2561 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับมาตรฐานอาชีพรุกขกร หรือหมอต้นไม้ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการดูแลต้นไม้ตามหลักวิชาการรุกขกรรม
หมอต้นไม้อาชีพที่มีมานานนับร้อยปีและได้รับการรู้จักกว้างขวางในต่างชาติ ประเทศไทยเองก็มีการดูแลต้นไม้ใหญ่มาอย่างยาวนาน แต่ให้การดูแลรักษาที่แตกต่างเพราะมีความเชื่อทางวัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง หรือที่เราเคยได้ยินกันบ่อยครั้งว่า พิธีบวชป่า อันเป็นกิจกรรมที่เชื่อมคน ศาสนา และป่าไม้เข้าไว้ด้วยกัน
พิธีบวชป่า เป็นกุศโลบายทางศาสนาเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยนำจีวรพระมาห่มให้ต้นไม้และเชื่อว่าผืนป่านั้นมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่ จะเข้ามาบุกรุกทำลายไม่ได้ เพราะต้นไม้ใหญ่ในผืนป่าสมัยก่อนเป็นแหล่งทำกิน หล่อเลี้ยงชีวิตให้คนในชุมชน กลับมาที่ปัจจุบันสังคมเมืองได้เข้ามาแทรกตัวตัดขาดความสัมพันธ์ระหว่างคนกับต้นไม้ใหญ่ให้ห่างกันออกไป
แต่ถึงอย่างนั้นต้นไม้ใหญ่ยังคงมีคุณค่า มอบออกซิเจนส่งต่อไอเย็นบริสุทธิ์และกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของภาวะโลกร้อนเสมอมา แถมเป็นที่พักพิงให้กับสัตว์น้อยใหญ่ นก แมลง มด ฯล ที่มีส่วนช่วยรักษาสมดุลต่อระบบนิเวศให้มีแหล่งอาหารในป่าคอนกรีตนี้
การดูแลต้นไม้ใหญ่ในเมืองจึงไม่ใช่หน้าที่ของหมอเพียงอย่างเดียว ในสังคมที่ทุกคนได้รับประโยชน์จากธรรมชาติ และได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนแบบไม่แบ่งแยก
ทุกคนจึงมีหน้าที่ต้องช่วยกันสังเกต รวมถึงรายงานหากพบการดูแลต้นที่ไม่เหมาะสม
โดยมีหลักการง่าย ๆ ดังนี้
- ห้ามตัดต้นไม้จนเหี้ยน เพราะใบไม้ที่หายไปจากต้นจะทำให้ต้นไม้ส่งพลังงานไปยังรากได้น้อยลง ส่งผลให้รากหดและเมื่อรากหด ต้นไม้ก็เหมือนขาดสารอาหาร ส่งผลให้ต้นไม้ไม่เกิดใบยอดใหม่
- ห้ามเทปูนทับโคนต้นไม้ การเทปูนทับทำให้น้ำและอากาศไม่สามารถเข้าไปถึงโคนต้นได้ ส่งผลให้รากต้นไม้ขาดอากาศและทำให้น้ำไม่สามารถซึมลงไปหล่อเลี้ยงถึงรากได้
- ควรตัดชิดคอกิ่งและถอดยอดเฉพาะช่วงผลัดใบ หากมีความจำเป็นที่เลี่ยงไม่ได้อย่างสายไฟ ให้ตัดเฉพาะยอดที่ขวางสายไฟเท่านั้น
- ควรลดน้ำต้นไม้ให้เพียงพอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน แต่ต้องระวังไม่ให้น้ำขัง
ในบางครั้งคนที่ตัดต้นไม้อาจไม่ได้มีความชำนาญเรื่องการดูแล หรือทิศทางการตัดที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตใหม่ เพราะคนตัดต้นไม้มีหน้าที่ปีนป่ายและชำนาญด้านการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์เป็นหลัก การมีหมอต้นไม้คอยดูแลกำกับ ให้คำปรึกษาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับต้นไม้ เช่น กิ่งฉีกหัก โพรงผุ แผลถูกชน รากรัดกัน กิ่งสีกัน รวมถึงการป้องกันและกำจัดศัตรูพืช แต่เมื่อหมอต้นไม้เรียนรู้การปีนป่ายจนเพิ่มความชำนาญแล้ว ก็สามารถทำงานตามลำพังเป็นทั้งหมอต้นไม้และคนตัดต้นไม้ในคนเดียวได้