หลายอาหารที่กินจากซูเปอร์มาร์เก็ตทำให้คนเราป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ กว่า 70% ของการเสียชีวิตทั่วโลกเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็ง สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการกินอาหารแปรรูปอุตสาหกรรม แล้วจะลดละเลิกอย่างไรให้กินดีอยู่ดี ต้านทานโรค
กลุ่มโรค NCDs (Non-communicable diseases) หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง ถือเป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลก คร่าชีวิตผู้คนไปประมาณ 41 ล้านคนในแต่ละปีทั่วโลก ซึ่งเทียบเท่ากับ 71% ของการเสียชีวิตทั้งหมด ในส่วนของทวีปอเมริกามีผู้เสียชีวิตกว่า 5.5 ล้านคนจากโรคนี้
รายงานการวิจัย ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในประเทศไทย ปี 2562 ร่วมมือกับองค์การอนามัยโลก(WHO) บ่งชี้ว่า คนไทยเสียชีวิตด้วยโรค NCDs ปีละกว่า 400,000 ราย ทั้งโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจและระบบหลอดเลือดต่าง ๆ และมีแนวโน้มสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้สูญเสียต้นทุนทางเศรษฐกิจ กว่า 1.6 ล้านล้านบาทต่อปี แบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลทางตรง จำนวน 139,000 ล้านบาท และความสูญเสียทางอ้อม จำนวน 1.5 ล้านล้านบาท
อาหารแปรรูปสาเหตุโรค NCDs
สาเหตุสำคัญที่ทำให้คนยุคปัจจุบันเจ็บป่วย และเสียชีวิตด้วยโรค NCDs กันมาก รวมถึงโรคเสื่อมสภาพของร่างกาย ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมการกิน ด้วยชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ทำให้ผู้คนมักเลือกอาหารการกินประเภทสำเร็จรูป หรืออาหารแช่แข็ง อาหารแปรรูปต่าง ๆ จากซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ไม่ใช่อาหารสดใหม่
ซึ่งอาหารส่วนใหญ่ที่เรากิน ล้วนแต่ผ่านการแปรรูปด้วยกระบวนการทางอุตสาหกรรม ซึ่งนอกจากทำให้สูญเสียสารอาหารแล้ว สารเคมีที่ใช้ในการแปรรูปยังตกค้าง เป็นอันตรายกับคนกินอีกด้วย
อันตรายต่อสุขภาพที่มาจากอาหารแปรรูป ไม่ใช่เรื่องใหม่
โดยเฉพาะในประเด็นเสี่ยงเป็นมะเร็ง เพราะก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกได้ออกมาประกาศว่า อาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป อาทิ แฮม เบคอน ฮอตด็อก ไส้กรอกต่าง ๆ มีสารก่อมะเร็ง หากกิน 50 กรัม ขึ้นไปอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งลำไส้มากขึ้น 18%
นอกจากนั้นงานวิจัยจากโรงพยาบาลเฉินตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ยังระบุว่า ตอนนี้เด็กมีโอกาสเป็นมะเร็งมากขึ้น สาเหตุมาจากการกินอาหารที่มาจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป แฮม ไส้กรอก ไอศกรีม มันฝรั่งอบทอด เยลลี่ หมากฝรั่ง ฯลฯ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นอาหารแปรรูป ที่อุตสาหกรรมอาหารทำออกมาวางจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต
อาหารแปรรูปคืออะไร แบบไหนอันตรายต่อสุขภาพ?
อาหารแปรรูป (Processed foods) คืออาหารที่ถูกแปรรูปให้ได้เนื้อสัมผัสและรสชาติใหม่ ๆ ซึ่งมีมาแต่โบราณ ที่มีวิธีการใช้ไฟปรุงอาหารให้สุก หรือแม้แต่การหมักดองต่าง ๆ เช่น พวกชีส โยเกิร์ต เหล้า ไวน์ ปลาส้ม ปลาเค็ม กิมจิ ฯลฯ ที่เป็นการแปรรูปโดยกระบวรการเคมีทางธรรมชาติ
ไม่เพียงเท่านั้น อาหารที่เราพบเห็นโดยทั่วไปตามซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ฮอตด็อก ครีมเทียม ฯลฯ ก็เป็นอาหารแปรรูปเชิงอุตสาหกรรม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าการแปรรูปลักษณะนี้เสี่ยงต่อสุขภาพ คำถามคือเสี่ยงอย่างไร?
เพราะการแปรรูปอาหารมี 3 แบบ ถ้าแบบพื้นฐานคือการแปรรูปด้วยความร้อน ไม่ว่าจะเป็นอบ ปิ้ง เผา อีกแบบคือแปรรูปเชิงกลไก บด โขลก ตำ หั่น แต่ทั้งสองรูปแบบเป็นการแปรรูปเองในบ้าน แต่การแปรรูปอีกแบบคือการแปรรูประดับสูง ที่มักใช้ในอุตสาหกรรม จะมีการใช้สารเคมี เข้ามาในกระบวนการเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ทั้งเนื้อสัมผัส สีสัน รดชาดบ้าง เพื่อไม่ให้อาหารบูดเสียง่าย วางขายได้นาน บางบริษัทที่เป็นผู้ผลิตอาหารแปรรูปเน้นต้นทุนต่ำ หวังกำไร ทำให้ สารอาหารหลายอย่างถูกขจัดออกไป บางรายนำสารปรุงแต่งใส่เข้าไป ยิ่งอันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งนี้เมื่อพูดถึงอาหารแปรรูปที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ อาจหมายถึงอาหารแปรรูปเชิงอุตสาหกรรมเท่านั้น เพราะอาหารแปรรูปจะเติมน้ำตาลปริมาณค่อนข้างมาก ในสหรัฐอเมริกาคนกินอาหารแปรรูปแพร่หลาย 50 % ของน้ำตาลที่บริโภคล้วนมาจากอาหารแปรรูป
ไม่เพียงเท่านั้น สารเคมี หรือสารปรุงแต่ง แม้ระบุว่าใส่เพียงเล็กน้อย ร่างกายรับได้ไม่ถึงกับอันตราย แต่วัน ๆ หนึ่งผู้คนรับกินอาหารหลายอย่าง ไม่อาจรับรู้ได้ว่าได้รับสารกี่ชนิดเข้าไปในร่างกาย หากสะสมมากขึ้นเรื่อย ๆ อาจนำมาสู่โรคในที่สุด
เลือกกินอาหารต้านโรค
ดังนั้น แนวทางหลีกเลี่ยงจากโรคภัย เจ็บป่วย คือการกินอาหารต้านโรค หรืออาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ควรลดปริมาณการกินอาหารที่มาจากการแปรรูปลง หรืออาหารที่มีปริมาณน้ำตาลมาก เพราะองค์การอนามัยโลก รวมถึงกระทรวงสาธารณสุข ก็พยายามที่จะรณรงค์ให้ผู้คนลดกินหวาน มัน เค็ม เติมเต็มผักและผลไม้
การรณรงค์ให้ประชาชนลดกินหวาน ลดการบริโภคน้ำตาลเหลือไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน เพราะกินหวานมากทำให้อ้วนเกิน เสี่ยงเป็นเบาหวาน ตามมาด้วยโรคหลอดเลือดหัวใจ ไตพิการ และมะเร็ง โรคทั้งหลายนี้จัดอยู่ในกลุ่ม NCDs เป้าการรณรงค์พุ่งไปที่เครื่องดื่ม น้ำหวาน น้ำอัดลมทั้งหลาย ที่มักใส่น้ำตาล 8-12 ช้อนชาต่อขวด แต่อย่างไรก็ตาม ความหวานไม่ใช่ผู้ร้ายเดียว แต่อาหารประเภทแปรรูปนั้นส่งผลต่อสุขภาพมากกว่า
นอกจากนั้นยังรณรงค์ให้ผู้คนเพิ่มการกินผักและผลไม้มากขึ้น กินให้อิ่ม กินให้เกิดความเคยชิน แต่ที่น่ากังวลที่คนในยุคปัจจุบันแทบไม่กินผักผลไม้เลย และหากเป็นไปได้ควรเลิกกินน้ำอัดลม ดื่มน้ำธรรมดาแทน
ซื้อวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ
ทำอาหารรับประทานที่บ้าน
ทั้งนี้ การหลีกเลี่ยงโรคอย่างหนึ่งคือการเลือกซื้ออาหาร หรือวัตถุดิบปรุงอาหารที่มาจากธรรมชาติ (Natural Food) เช่น น้ำส้มคั้นสด ๆ น้ำอ้อยที่ผลิตแบบบ้าน ๆ นำมาใช้แทนน้ำตาลทรายขาว
เน้นซื้ออาหารจากตลาดสด หรือฟาร์เมอร์มาร์เก็ต ซึ่งขณะนี้เมืองไทยมีช่องทางการซื้อของออนไลน์เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางติดต่อซื้อสินค้าจากเกษตรกรโดยตรง และลงมือทำอาหารกินเองที่บ้าน ทำให้เกิดความมั่นใจว่าอาหารที่ปรุงเองมีความปลอดภัย สะอาด มากขึ้น
ที่มา: Krua.co
https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC6146358/
https://megancaper.medium.com/is-your-supermarket-making-you-sick-12f8f9df4fda