รพ.วิมุต เผยผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป มักเผชิญต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่โรคร้ายแต่ต้องหมั่นรักษาสุขภาพร่างกาย

รพ.วิมุต เผยผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป มักเผชิญต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่โรคร้ายแต่ต้องหมั่นรักษาสุขภาพร่างกาย

โรงพยาบาลวิมุต ชี้ผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป เสี่ยงเผชิญต่อมลูกหมากโต ไม่ใช่โรคร้าย แต่หากเผชิญภาวะแทรกซ้อน ก็อาจเสี่ยงถึงชีวิตได้ แนะดูแลสุขภาพหมั่นตรวจรักษาร่างกาย เลิกพฤติกรรมสุ่มเสี่ยง 

 

 

ปัจจุบันคนมีอายุยืนยาวมากขึ้น เป็นผลมาจากความเจริญก้าวหน้าด้านการแพทย์ ด้านอาหาร หรือแม้แต่สภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นกว่าอดีต ผู้คนจำนวนไม่น้อยเริ่มดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้น นั่นจึงส่งผลให้หลายประเทศเข้าสู่สังคมสูงวัย จากข้อมูลของโรงพยาบาลวิมุตระบุว่า เพศชายอายุสูงเฉลี่ย 73.5 ปี ขณะที่เพศหญิงอายุเฉลี่ยที่ 80.5 ปี ทั้งนี้ทั้งนั้น แม่ว่าคนจะอายุยืน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไร้ซึ่งโรคภัย ยิ่งอายุมากขึ้น หากไม่ดูแลตนเองก็ต้องเผชิญกับโรคได้เช่นกัน 

ทั้งนี้มะเร็งถือเป็นภัยสำหรับเพศหญิง ขณะที่เพศชายนั้นมีความเสี่ยงต่อหลากหลายโรคที่มีความซับซ้อน โดยเฉพาะเมื่ออายุมากขึ้น ภาวะต่อมลูกหมากโตเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของผู้ชายทั่วโลกอย่างมาก 

 

ผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไปเสี่ยงโรคต่อมลูกหมากโต 50%

นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาลวิมุต โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า จากสถิติพบว่าโรคต่อมลูกหมากโต พบได้ถึง 50% ในผู้ชายอายุ 60 ปีขึ้นไป และถึง 80% ในผู้ชายอายุ 70 ปีขึ้นไป ถึงแม้ว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรงจนทำให้เสียชีวิต แต่อาการแทรกซ้อนจากโรคนี้ ทำให้ผู้ชายเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้เช่นกัน 

 

ส่องอาการเบื้องต้น

แบบไหนเข้าข่ายเสี่ยง

ด้านนายแพทย์วรพงษ์ เลิศวีระศิริกุล หัวหน้าศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลวิมุต เผยว่า โรคต่อมลูกหมากโต หรือ BPH (Benign Prostate Hyperplasia) คือ ภาวะที่ต่อมลูกหมาก ซึ่งหุ้มอยู่ล้อมรอบท่อปัสสาวะ มีขนาดใหญ่ขึ้นจนไปเบียดท่อปัสสาวะให้แคบลง ทำให้เกิดปัญหาอาการปัสสาวะผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็น ปัสสาวะลำบาก ต้องเบ่ง ไม่พุ่ง ปัสสาวะไม่สุด ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะบ่อย ต้องลุกมาปัสสาวะกลางดึกหลายครั้ง รวมถึงการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หากมีอาการเหล่านี้ ควรพบแพทย์เพื่อรีบหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่นการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ ปัสสาวะเป็นเลือด นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ หรือส่งผลกระทบต่อการทำงานของไตได้ 

“สามารถสำรวจต่อมลูกหมากโต ได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 40 ปี ขึ้นไป แต่มักจะเริ่มแสดงอาการในช่วงอายุ 50 ปี และถ้ามีอายุถึง 90-100 ปี แน่นอนว่ากว่า 90% จะมีโอกาสเกิดต่อมลูกหมากโต ถ้าปล่อยให้ลุกลามก็อาจกลายเป็นมะเร็งได้ ทำให้การรักษาในแต่ละคนจะแตกต่างกันทั้งต่อมลูกหมากโตและมะเร็งต่อมลูกหมาก ทั้งนี้การตรวจต่อมลูกหมากสามารถตรวจได้โดยแพทย์คลำดูเบื้องต้น หรือเจาะเลือด อัลตราซาวด์”

 

 

ต่อมลูกหมากโตสัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น

ป้องกันไม่ได้-แต่ไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงมะเร็ง

ขณะที่ นายแพทย์ดนัยพันธ์ อัครสกุล แพทย์ผู้ชำนาญการศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะ กล่าวว่า เนื่องจากโรคต่อมลูกหมากโตเป็นปัญหาสุขภาพที่สัมพันธ์กับอายุที่มากขึ้น จึงเป็นโรคที่เราป้องกันไม่ได้ แต่ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์ทำให้เรามีแนวทางการรักษาที่ปลอดภัยและฟื้นตัวได้เร็ว ประเด็นสำคัญจึงเป็นการพบแพทย์เพื่อตรวจต่อมลูกหมากเป็นประจำทุกปีสำหรับผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป 

เพราะนอกจากโรคต่อมลูกหมากโตแล้ว มะเร็งต่อมลูกหมากก็เป็นอีกหนึ่งภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะถือเป็นมะเร็งอันดับ 4 ที่พบได้ในเพศชาย โดยมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะแรกอาจไม่มีอาการชัดเจนมักตรวจพบได้จากการตรวจสุขภาพ หรือการตรวจสารบ่งชี้มะเร็งต่อมลูกหมากในเลือด (serum PSA) ที่มีค่าสูงเกินปกติ เมื่อเซลล์มะเร็งขยายตัวจนเบียดท่อปัสสาวะ อาจทำให้มีปัญหาในการปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะไม่พุ่งกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ มีอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะ หรือมีเลือดปนมากับปัสสาวะและอสุจิ ซึ่งเป็นอาการที่คล้ายกับโรคต่อมลูกหมากโต 

“แต่จริง ๆ แล้วต่อมลูกหมากโตไม่ใช่ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็ง คนที่เป็นต่อมลูกหมากโตจะมีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากอยู่ประมาณ 20% เมื่อปัสสาวะไม่สามารถออกได้หมด แบคทีเรียก็สะสมและเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ บางกรณีอาจเกิดนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ที่สำคัญคือการปล่อยให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบ และไตเสื่อมลงจนเกิดความเสียหายถาวร ดังนั้นหากมีอาการปัสสาวะผิดปกติ ผู้ชายไม่ควรอดทนหรือนิ่งนอนใจ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยให้ชัดเจนจะดีที่สุด เพื่อความปลอดภัยของชีวิต”

 

 

โรงพยาบาลวิมุตนำนวัตกรรมรักษา

ผ่าตัดเร็ว ฟื้นตัวเร็ว ไม่เจ็บนาน

ทั้งนี้ นายแพทย์สุวาณิช กล่าวต่อว่า จากปัญหาดังกล่าว จึงทำให้โรงพยาบาลวิมุต ได้เปิดศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urology Center) และนำนวัตกรรม UROLIFT มาใช้ในโรงพยาบาลเป็นแห่งแรก ๆ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นการรุกตลาดเฮลท์แคร์แบบองค์รวมเพื่อมอบการดูแลรักษาเฉพาะทางให้ครอบคลุมคนทุกกลุ่มในสังคมอย่างเท่าเทียม 

โดยศูนย์ระบบทางเดินปัสสาวะ มุ่งรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยเทคโนโลยีทางเลือกใหม่ที่เหมาะสมกับผู้ป่วย ขณะที่นวัตกรรม UROLIFT เป็นเทคโนโลยีส่องกล้องเพื่อขยายท่อปัสสาวะ มีความปลอดภัยสูง ลดภาวะแทรกซ้อน ฟื้นตัวเร็ว และไม่มีผลต่อสมรรถภาพทางเพศ นับเป็นอีกหนึ่งเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยต่อมลูกหมากโต โรคร้ายที่กระทบต่อการใช้ชีวิตของชายไทยเกินครึ่งและทำให้ผู้ชายเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนมากมายหากปล่อยไว้ไม่รักษาให้หาย 

ซึ่งการเปิดตัวศูนย์ทางเดินปัสสาวะและนวัตกรรม UROLIFT สอดรับกับเทรนด์การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดการดูแลสุขภาพผู้ชายทั่วโลก พร้อมหนุนเทรนด์ Heconomy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยกำลังซื้อของผู้ชาย หลังข้อมูลพบว่าผู้ชายหันมาตื่นตัวเรื่องสุขภาพและลงทุนกับการดูแลตนเองเพื่อให้ห่างไกลโรคภัยมากยิ่งขึ้น โดยจากหน่วยงานวิจัย Research And Markets รายงานว่าในปี 2023 ที่ผ่านมาตลาดสุขภาพเพศชายมีมูลค่าราว 1.27 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 2.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2029 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ชายในปัจจุบันมีความใส่ใจในสุขภาพและคุณภาพชีวิตในภาพรวมมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าตลาดจะเติบโตในอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 12.44% (ในช่วงระยะคาดการณ์ปี 2024 – 2029) 

 

 

4 แนวทางรักษา 

ส่วนแนวทางการรักษาโรงพยาบาลมีแนวทางในการรักษาต่อมลูกหมากโต ได้แก่ การรักษาด้วยยาในกลุ่มคลายกล้ามเนื้อบริเวณต่อมลูกหมาก(alpha-blocker) และกลุ่มลดขนาดต่อมลูกหมาก ทั้งนี้หากการรักษาด้วยยาแล้วยังไม่ได้ผลที่น่าพอใจหรือมีภาวะแทรกซ้อน แพทย์จะแนะนำให้ทำการผ่าตัด โดยมากจะทำผ่านการส่องกล้องผ่านท่อปัสสาวะ ใช้เวลาพักฟื้นสั้น โดยวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน ได้แก่ 

 

1.TURP (Transurethral Resection of Prostate) เป็นการผ่าตัดโดยใช้หัวตัดไฟฟ้าถือเป็นวิธีที่แพร่หลายที่สุด ใช้เวลาพักฟื้น 2-3 วัน เหมาะกับต่อมลูกหมากโตขนาดปานกลางถึงใหญ่ 

 

2.Laser Prostate เป็นการผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ เหมาะสำหรับต่อมลูกหมากที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน 

 

3.Water Vapor Therapy เป็นการผ่าตัดด้วยระบบไอน้ำ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่รักษาโดยการฉีดไอน้ำที่มีอุณหภูมิ 103 องศาเซลเซียลเข้าไปที่เซลล์ต่อมลูกหมากเพื่อทำลายเนื้อเยื่อในต่อมลูกหมาก วิธีนี้เหมาะสำหรับต่อมลูกหมากขนาดเล็กถึงปานกลางมีข้อดีเรื่องระยะการพักฟื้นที่สั้นกว่า ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลและพักไม่เกิน 1 วัน

 

4.นวัตกรรมใหม่ล่าสุดอย่าง UROLIFT (ยูโรลิฟต์) ใช้อุปกรณ์ขนาดเล็กมากมายึดติดกับต่อมลูกหมากถาวรเพื่อดึงเนื้อเยื่อให้ถ่างออกจากท่อปัสสาวะUROLIFT เป็นวิธีการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตที่ได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ตั้งแต่ปี 2556 และได้รับการอนุมัติจาก อย. ไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 โดยใช้เวลาผ่าตัดเพียง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงเท่านั้น 

 

“ข้อดีคือเป็นหัตถการที่แก้ไขปัญหาการปัสสาวะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล ทั้งนี้ แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ว่าผู้ป่วยเหมาะสำหรับการผ่าตัดแบบใดมากที่สุด” นายแพทย์สุวาณิช กล่าว 

 

 

ดูแลสุขภาพก่อนโรคภัยมาเยือน 

อย่างไรก็ตาม โรงพยาบาลวิมุตยังได้แชร์ เคล็ดลับ 5 เริ่มและ 4 เลิก เพื่อการดูแลสุขภาพผู้ชายก่อนโรคภัยร้ายมาเยือน ได้แก่ เคล็ดลับ 5 เริ่ม คือ 1.เริ่มตรวจสุขภาพประจำปี โดยเฉพาะผู้ชายอายุ 50 ปีขึ้นไป 2.เริ่มออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างระบบทางเดินปัสสาวะและสุขภาพเพศชายโดยรวม 3.เริ่มการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำอย่างเพียงพอจะส่งเสริมการทำงานของระบบทางเดินปัสสาวะ 4.เริ่มรักษาน้ำหนักตัวที่เหมาะสม ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่อมลูกหมากโตและปัญหาสุขภาพอื่นๆ

เคล็ดลับ 4 เลิก คือ 1.เลิกบุหรี่ บุหรี่มีสารเคมีที่ทำลายสุขภาพทุกส่วนของร่างกาย 2.เลิกดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกินไป 3.เลิกรับประทานอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง 4.เลิกนอนดึก การนอนไม่พอเพียงทำให้ร่างกายอ่อนแอและเสี่ยงต่อโรคมากมาย

อย่างไรก็ตาม สำหรับโรงพยาบาลวิมุต เปิดให้บริการมาประมาณ 3 ปี ตั้งเป้าเป็นเป็นโรงพยาบาลที่มีนวัตกรรมใหม่ ๆ คนไทยเข้าถึงได้ ที่ผ่านมามีผู้ป่วยเข้ามาใช้บริการโตต่อเนื่อง ณ ตอนนี้มี ฐานคนไข้ที่ 500-600 คน เป็นผู้ป่วยนอกวอล์คอินบ้าง ส่วนผู้ป่วยในตอนนี้มีประมาณ 100 คน สัดส่วนโดยรวมเป็นคนไทย 80% ขณะที่ต่างชาติ 20% เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่คนไทยเข้ามาใช้บริการเฉลี่ย 90% ส่วนต่างชาติที่เข้ามามีทั้งจากอาหรับ แอฟริกา จีน และประเทศในอาเซียนอย่างลาว เมียนมา กัมพูชา เป็นต้น