ประเทศต่างๆ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาพลาสติกโลกของ UN ท่ามกลางความเห็นต่าง ไม่ลงลอย และแคลงใจ

ประเทศต่างๆ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการเจรจาพลาสติกโลกของ UN ท่ามกลางความเห็นต่าง ไม่ลงลอย และแคลงใจ

ภายใต้การประชุมสนธิสัญญาพลาสติกโลกของ UN ประเทศต่างๆ มากกว่า 100 ประเทศต้องการให้สนธิสัญญาจำกัดการผลิตพลาสติก ตลอดจนจัดการกับการทำความสะอาดและการรีไซเคิลพลาสติก โดยหลายประเทศมองว่าควรจำกัดสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติก แต่สำหรับประเทศผู้ผลิตพลาสติก น้ำมันและก๊าซบางประเทศ มองว่าการกระทำดังกล่าวถือเป็นการล้ำเส้น 

 

 

การประชุมคณะกรรมการเจรจาระหว่างรัฐบาลแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 5 (INC-5) ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ โดยการประชุมครั้งนี้มีความพยายามที่จะบรรลุสนธิสัญญาผูกพันระดับโลกเกี่ยวกับมลภาวะพลาสติก รวมถึงพลาสติกในมหาสมุทร ให้ได้ในปีนี้ (พ.ศ.2567) แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ เนื่องจากคณะเจรจาต่าง ๆ ยังไม่มีแผนดำเนินการในเรื่องดังกล่าวที่ชัดเจน

 

 

 

 

กลุ่มประเทศผลิตน้ำมัน ซึ่งเป็นวัตถุดิบ

ผลิตพลาสติกต่อรองสุดฤทธิ์

ไม่เท่านั้นประเทศต่างๆ ยังคงความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างมากในขอบเขตพื้นฐานของสนธิสัญญา จึงตกลงกันได้เพียง “เลื่อนการตัดสินใจ” ที่สำคัญและกลับมาเจรจาต่อในภายหลัง

อิงเกอร์ แอนเดอร์เซน ผู้อำนวยการบริหารโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่ายังคงมีความขัดแย้งกันอยู่

ประเด็นที่สร้างความแตกแยกมากที่สุด ได้แก่ การจำกัดการผลิตพลาสติก การจัดการผลิตภัณฑ์พลาสติกและสารเคมี รวมถึงการจัดหาเงินทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการนำสนธิสัญญาไปปฏิบัติ

ด้าน หลุยส์ วายาส วัลดิวิเอโซ (Luis Vayas Valdivieso) ประธานการประชุม กล่าวว่า รายละเอียดของการประชุมในครั้งนี้อาจเป็นพื้นฐานของสนธิสัญญา แต่ยังคงเต็มไปด้วยทางเลือกในประเด็นละเอียดอ่อนต่าง ๆ มากมาย

จูเลียต คาเบรา ผู้อำนวยการทั่วไปของสำนักงานจัดการสิ่งแวดล้อมแห่งรวันดา กล่าวว่า สนธิสัญญาเป็นมาตรการโดยสมัครใจเท่านั้น จึงไม่เป็นที่ยอมรับ

“ถึงเวลาที่เราจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้และเจรจาสนธิสัญญาที่เหมาะสมกับจุดประสงค์ ไม่ใช่สร้างมาให้ล้มเหลว”

แซม อาดู-คูมิ หัวหน้าคณะเจรจาของประเทศกานา กล่าวว่า ในประเทศกานา ชุมชน แหล่งน้ำ ท่อระบายน้ำ และพื้นที่เกษตรกรรมเต็มไปด้วยพลาสติก และสถานที่ทิ้งขยะเต็มไปด้วยพลาสติกมักจะถูกไฟไหม้อยู่เสมอ 

“เราต้องการสนธิสัญญาที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ มิฉะนั้น เราจะอยู่โดยไม่มีสนธิสัญญาและมาสู้กันใหม่อีกครั้ง”

 

 

 

ประเทศผู้ผลิตน้ำมันใช้ชั้นเชิงชะลอการเจรจา

ทั้งนี้ประเทศผู้ผลิตปิโตรเคมีเพียงไม่กี่ประเทศ เช่น ซาอุดีอาระเบีย คัดค้านความพยายามในการลดการผลิตพลาสติกอย่างแข็งขัน และพยายามใช้ชั้นเชิงต่างๆเพื่อชะลอการเจรจา

ผู้เจรจาของซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า สารเคมีและการผลิตพลาสติกไม่อยู่ในขอบเขตของสนธิสัญญา เขาพูดในนามของกลุ่มอาหรับว่าหากโลกกำลังจัดการกับมลภาวะจากพลาสติก ก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการผลิตพลาสติก ผู้เจรจาของคูเวตย้ำว่า เป้าหมายคือการยุติมลภาวะจากพลาสติก ไม่ใช่ตัวพลาสติกเอง และการขยายขอบเขตของคำสั่งเกินขอบเขตเจตนาเดิมจะบั่นทอนความไว้วางใจ และความปรารถนาดี

อับดุลเราะห์มาน อัล-กวาอิซ ผู้แทนซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่า  ไม่เคยมีฉันทามติใดๆ

“มีบทความสองสามบทความที่ดูเหมือนว่าจะอยู่ในเอกสาร แม้ว่าเราจะยังยืนกรานว่าบทความเหล่านั้นไม่อยู่ในขอบเขต”

ทั้งนี้ จีน สหรัฐอเมริกา อินเดีย เกาหลีใต้ และซาอุดิอาระเบีย เป็น 5 ชาติผู้ผลิตโพลีเมอร์รายใหญ่ที่สุดในปี พ.ศ.2566 ตามข้อมูลของผู้ให้บริการข้อมูล Eunomia

 

 

ประเทศกำลังพัฒนายืนยัน

สนธิสัญญาไม่ควรจะล้มเหลว

จูเลียต คาเบรา ผู้นำการเจรจาของรวันดา กล่าวว่า เธอพูดในนามของ 85 ประเทศ โดยยืนกรานว่าสนธิสัญญาจะต้องเร่งดำเนินการทั้งฉบับ ตามวัตถุประสงค์ ต้องไม่ล้มเหลว เพื่อประโยชน์ของคนรุ่นปัจจุบันและอนาคต เธอขอให้ทุกคนที่สนับสนุนแถลงการณ์นี้ “ยืนหยัดเพื่อความมุ่งหมาย” จากนั้นผู้แทนประเทศต่าง ๆ และผู้เข้าร่วมฟังจำนวนมากยืนปรบมือ

โดยคณะผู้แทนปานามา ซึ่งเป็นแกนนำในการพยายามรวมการผลิตพลาสติกเข้าไว้ในสนธิสัญญา กล่าวว่าพวกเขาจะกลับมาอีกครั้งด้วยความแข็งแกร่ง เสียงดัง และมีความมุ่งมั่นมากขึ้น

 

 

 

การแบ่งแยกที่ฝังรากลึก

ความสำคัญของสนธิสัญญาพลาสติกโลก หากสามารถเอาชนะความแบ่งแยกดังกล่าวได้ สนธิสัญญาดังกล่าวจะกลายเป็นข้อตกลงที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการปกป้องสิ่งแวดล้อมนับตั้งแต่ข้อตกลงปารีส พ.ศ. 2558

 

 

คริส จาห์น เลขาธิการสภาสมาคมสารเคมีระหว่างประเทศ (ICCA) ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตพลาสติก กล่าวว่า ผลลัพธ์นี้เน้นย้ำถึงความซับซ้อนของการจัดการมลภาวะพลาสติกในระดับโลกและความจำเป็นในการพิจารณาเพิ่มเติมเพื่อให้บรรลุสนธิสัญญามีประสิทธิผล ครอบคลุม และปฏิบัติได้

กลุ่มสิ่งแวดล้อม GAIA กล่าวว่า มีความมั่นใจเพียงเล็กน้อยว่าการประชุมรอบถัดไปจะประสบความสำเร็จ

นายฮวน คาร์ลอส มอนเทอร์เรย์ โกเมซ หัวหน้าคณะผู้แทนปานามา กล่าวว่า การล่าช้าคือวันที่ขัดต่อมนุษยชาติ การเลื่อนการเจรจาออกไปไม่ได้ทำให้วิกฤตการณ์คลี่คลายลง

“เมื่อเราประชุมกันอีกครั้ง เดิมพันจะยิ่งสูงขึ้น”

 

 

ประธาน INC-5 หลุยส์ วายาส วัลดิวิเอโซ นำค้อนซึ่งทำจากฝาขวดพลาสติกรีไซเคิลจากหลุมฝังกลบขยะแดนโดราในไนโรบีลงมา เพื่อเฉลิมฉลองข้อตกลงที่การเจรจาจะกลับมาดำเนินการอีกครั้งในภายหลังในช่วงเช้าของวันที่ 2 ธันวาคมที่เมืองปูซาน แอนโธนี่ วอลเลซ/เอเอฟพี/เก็ตตี้ อิมเมจส์

 

ความเป็นมาของสนธิสัญญา

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 ประเทศต่างๆ จำนวน 175 ประเทศตกลงที่จะจัดทำสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมายฉบับแรกเกี่ยวกับมลภาวะจากพลาสติก รวมถึงพลาสติกในมหาสมุทร ภายในสิ้นปี พ.ศ.2567 มติระบุว่าประเทศต่าง ๆ จะพัฒนาเครื่องมือที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศเกี่ยวกับมลภาวะจากพลาสติก โดยยึดตามแนวทางที่ครอบคลุมถึงวงจรชีวิตของพลาสติกทั้งหมด

สจ๊วร์ต แฮร์ริส โฆษกของสภาสมาคมเคมีระหว่างประเทศ กล่าวว่า นี่เป็นกรอบเวลาที่ทะเยอทะยานอย่างเหลือเชื่อ เขากล่าวว่า ICCA หวังว่ารัฐบาลต่าง ๆ จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ภายในเวลาอันสั้น

การเจรจาส่วนใหญ่ในปูซานเกิดขึ้นแบบลับๆ กลุ่มสิ่งแวดล้อม ผู้นำชนเผ่าพื้นเมือง และคนอื่น ๆ ที่เดินทางมาปูซานเพื่อช่วยร่างสนธิสัญญา กล่าวว่าสนธิสัญญาควรมีความโปร่งใส และพวกเขารู้สึกว่าถูกปิดปาก

บยอร์น บีเลอร์ (Bjorn Beeler) ผู้ประสานงานระดับนานาชาติของเครือข่ายกำจัดมลพิษระหว่างประเทศ ( International Pollutants Elimination Network) กล่าวว่า เสียงของชุมชนที่ได้รับผลกระทบ ผู้นำด้านวิทยาศาสตร์และสุขภาพต่างนิ่งเงียบนี่คือสาเหตุที่กระบวนการเจรจาล้มเหลว

 “ปูซานพิสูจน์ให้เห็นว่ากระบวนการนี้ล้มเหลวและดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น”

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ โช แทยูล กล่าวว่า ถึงแม้เกาหลีใต้จะไม่ได้หาข้อยุติในสนธิสัญญาอย่างที่หลายคนคาดหวัง แต่ความพยายามของพวกเขาก็ทำให้โลกเข้าใกล้แนวทางแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์เพื่อยุติมลภาวะพลาสติกทั่วโลกมากขึ้น

 

 

 

 

ปริมาณการผลิตพลาสติกเพิ่มขึ้นทุกปี

ทั้งนี้การผลิตพลาสติกจะเพิ่มขึ้นเป็นสามเท่าภายในปี 2050 และพบไมโครพลาสติกในอากาศ ผลิตผลสด และแม้แต่ในน้ำนมแม่

รายงานของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติประจำปี 2566 (ข้อมูลล่าสุด) ระบุว่าสารเคมีที่พบว่าเป็นอันตรายในพลาสติกมีมากกว่า 3,200 ชนิด ซึ่งระบุว่าผู้หญิงและเด็กมีความอ่อนไหวต่อพิษเป็นพิเศษ

การกระจายตัวของการผลิตวัสดุพลาสติกทั่วโลกในปี พ.ศ.2566 จำแนกตามภูมิภาคมีแนวโน้มที่ยังคงเป็นไปตามแนวทางที่เคยเห็นในปีที่ผ่านมา โดยภูมิภาคที่มีการผลิตพลาสติกมากที่สุดยังคงเป็น เอเชีย รองลงมาคือ อเมริกาเหนือ และ ยุโรป ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้นดังนี้:

 

  1. เอเชีย (โดยเฉพาะจีน)

 – จีน เป็นประเทศที่ผลิตพลาสติกมากที่สุดในโลก ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดการผลิตพลาสติกทั่วโลกถึงประมาณ 30-35% ของการผลิตทั้งหมด

– นอกจากนี้ ประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น อินเดีย และ ญี่ปุ่น ก็ผลิตพลาสติกในปริมาณที่สูงเช่นกัน เนื่องจากการเติบโตทางเศรษฐกิจและการใช้พลาสติกในอุตสาหกรรมต่างๆ

 

  1. อเมริกาเหนือ (โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา)

   – สหรัฐอเมริกามีการผลิตพลาสติกมากเป็นอันดับสอง โดยการผลิตพลาสติกในภูมิภาคนี้มีการใช้ในหลายอุตสาหกรรม ทั้งในด้านการบรรจุภัณฑ์ การก่อสร้าง และการเกษตร

   – สัดส่วนการผลิตพลาสติกในภูมิภาคนี้อยู่ที่ประมาณ 20-25% ของการผลิตทั้งหมด

 

  1. ยุโรป

   – ยุโรปเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตพลาสติกสูง และในบางประเทศ เช่น เยอรมนี และฝรั่งเศส ก็ถือเป็นศูนย์กลางการผลิตพลาสติก

   – สัดส่วนการผลิตพลาสติกในยุโรปอยู่ที่ประมาณ 15-20% ของการผลิตทั้งหมด

 

  1. อเมริกากลางและใต้

   – การผลิตพลาสติกในภูมิภาคนี้ยังคงมีสัดส่วนที่ต่ำเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ อย่างไรก็ตาม บางประเทศในละตินอเมริกา เช่น บราซิล และเม็กซิโก กำลังเห็นการเติบโตในการผลิตพลาสติกเนื่องจากการขยายตัวของอุตสาหกรรม

 

  1. แอฟริกา

   – แอฟริกาเป็นภูมิภาคที่มีการผลิตพลาสติกน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ การผลิตพลาสติกในแอฟริกาอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเติบโตในบางประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ และไนจีเรีย

 

โดยรวมแล้ว การผลิตพลาสติกทั่วโลกในปี พ.ศ.2566 จะยังคงกระจุกตัวในภูมิภาคที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในประเทศจีนและสหรัฐอเมริกา ซึ่งส่งผลให้การใช้และการจัดการขยะพลาสติกเป็นปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่สำคัญสำหรับหลายประเทศทั่วโลก.

 

 

 

 

ขยะพลาสติกปัญหามลพิษอันดับต้น ๆ ของโลก

ขยะพลาสติกเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดปัญหาหนึ่งที่โลกกำลังเผชิญในปัจจุบัน โดยส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ขยะพลาสติกสามารถพบเห็นได้ตั้งแต่ภูเขาที่สูงที่สุดไปจนถึงร่องลึกใต้ท้องทะเล ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ ทำลายระบบนิเวศ และทำร้ายสัตว์ป่า โดยเฉพาะสัตว์ทะเล ปัญหาขยะพลาสติกทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องจากการบริโภควัสดุอเนกประสงค์ชนิดนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องการผลิตพลาสติกทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตั้งแต่ต้นศตวรรษนี้ โดยอยู่ที่เกือบ 400 ล้านเมตริกตันต่อปีในปี 2021 แม้ว่าอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์พลาสติกจะอยู่ที่ประมาณ 10 ปี แต่พลาสติกอาจใช้เวลานานถึง 500 ปีในการย่อยสลาย ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบและการกำจัด

 

 

ประเทศที่ผลิตขยะพลาสติกมากที่สุด

 

จีน – จีนเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในโลก โดยจีนสร้างขยะพลาสติกจำนวนมาก เนื่องจากมีประชากรจำนวนมากและมีกิจกรรมทางอุตสาหกรรม

 

สหรัฐอเมริกา – สหรัฐอเมริกาเป็นอีกประเทศหนึ่งที่ก่อให้เกิดมลภาวะจากพลาสติก ซึ่งเกิดจากการบริโภคในปริมาณสูงและการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวอย่างแพร่หลาย

 

อินเดีย – อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจเติบโตเร็วที่สุด และด้วยจำนวนประชากรที่มากขึ้นและการขยายตัวของเมืองที่เพิ่มขึ้น ทำให้อินเดียกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ก่อให้เกิดขยะพลาสติกมากที่สุด

 

บราซิล – บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ ผลิตขยะพลาสติกในปริมาณมาก ซึ่งมักเกิดจากอัตราการบริโภคที่สูง

 

อินโดนีเซีย – อินโดนีเซียซึ่งมีประชากรเพิ่มขึ้นและอุตสาหกรรมที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ยังเป็นหนึ่งในประเทศที่ก่อให้เกิดมลภาวะจากพลาสติกมากที่สุด

 

อันดับเหล่านี้อาจแตกต่างกันเล็กน้อยขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา แต่โดยทั่วไปแล้ว ประเทศเหล่านี้เป็นผู้ผลิตขยะพลาสติกรายใหญ่ที่สุดในโลก

 

คนไทยสร้างขยะพลาสติกประมาณ 2 ล้านตัน ต่อปี

 

ข้อมูลล่าสุดจากการศึกษาเกี่ยวกับขยะพลาสติกในประเทศไทย พบว่า คนไทยสร้างขยะพลาสติกประมาณ 2 ล้านตันต่อปี โดยในจำนวนนี้ประมาณ 60% เป็นขยะพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง (single-use plastics) เช่น ถุงพลาสติก ขวดพลาสติก และภาชนะพลาสติกต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะถูกทิ้งไปในที่ทิ้งขยะหรือแม้กระทั่งตกลงไปในแหล่งน้ำ จนกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง ทั้งในทะเลและในระบบนิเวศน์อื่นๆ

ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มักมีปัญหาขยะพลาสติกในระดับสูง โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีการใช้พลาสติกอย่างแพร่หลาย ทั้งในธุรกิจค้าปลีก ร้านอาหาร และการจัดส่งสินค้า การบริหารจัดการขยะพลาสติกจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีการร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขและลดปัญหานี้ในอนาคต.

 

อ้างอิง : https://www.reuters.com/

https://www.statista.com/

https://apnews.com/