BBFAW พบอันดับด้านสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มเอเชียแปซิฟิก รั้งท้าย ได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 9%

BBFAW พบอันดับด้านสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์มเอเชียแปซิฟิก รั้งท้าย ได้คะแนนเฉลี่ยเพียง 9%

150 บริษัทอาหารระดับโลกได้รับการยกย่องเรื่องดูแลสัตว์อย่างมีมนุษยธรรม ยุโรป-อเมริกานำหน้าเรื่องสวัสดิภาพสัตว์ เอเชียแปซิฟิก (อาทิ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และไทย)ยังตามหลัง ได้คะแนนเฉลี่ยแค่ 9% สะท้อนความท้าทายที่ยังต้องเร่งแก้

 

รายงานฉบับล่าสุดจากโครงการ Business Benchmark on Farm Animal Welfare (BBFAW) ปี 2024 ซึ่งประเมินบริษัทอาหารระดับโลกจำนวน 150 แห่ง ตามนโยบาย แนวปฏิบัติ และผลการดำเนินงานด้านสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ม เผยให้เห็นว่า แม้จะมีความคืบหน้าในบางบริษัท แต่บริษัทส่วนใหญ่ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยังคงล้าหลังอย่างมากเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่นของโลก

BBFAW ใช้เกณฑ์การประเมินที่เข้มงวดครอบคลุม 5 เสาหลัก และ 51 เกณฑ์ย่อย โดยมีการจัดอันดับบริษัทเป็น 6 ระดับ (Tier 1–6) และให้ คะแนนผลกระทบต่อสวัสดิภาพสัตว์ (Impact Rating) ตั้งแต่ระดับ A ถึง F ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เชิงรูปธรรมจากการดำเนินงาน

 

 

เอเชียแปซิฟิก: ความคืบหน้าที่ยังจำกัดและความท้าทายที่ยังรอการแก้ไข

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประกอบด้วยประเทศอย่าง จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และประเทศไทย ยังคงมีคะแนนเฉลี่ยโดยรวมเพียง 9% ในปี 2024 เพิ่มขึ้นจาก 8% ในปี 2023 เพียงเล็กน้อย โดย 90% ของบริษัทในภูมิภาคยังคงอยู่ในอันดับที่ 5 และ 6 ซึ่งสะท้อนถึงระดับนโยบายและการเปิดเผยข้อมูลที่ยังอยู่ในระดับต่ำ

ยิ่งไปกว่านั้น ในเสาหลัก “ผลกระทบด้านการดำเนินงาน (Performance Impact)” ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนถึง 55% ของคะแนนรวม บริษัทในเอเชียแปซิฟิกทำได้เพียง 4% เท่านั้น เป็นการตอกย้ำถึงความจำเป็นที่ต้องมีการดำเนินงานจริงและรายงานผลลัพธ์ที่มีสาระสำคัญมากกว่าการตั้งนโยบายไว้เพียงบนเอกสาร

 

Fonterra ขึ้นแท่นผู้นำ: ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่า ‘ความก้าวหน้าเป็นไปได้’

ท่ามกลางผลลัพธ์ที่น่ากังวลในระดับภูมิภาค บริษัทนมยักษ์ใหญ่อย่าง Fonterra จากนิวซีแลนด์ กลับโดดเด่นขึ้นมาอย่างน่าจับตา โดยเลื่อนอันดับจาก Tier 4 ขึ้นสู่ Tier 3 และมีการปรับ Impact Rating จาก E เป็น B ซึ่งถือเป็น หนึ่งในสามบริษัทระดับโลก ที่ได้รับการจัดอันดับ B ร่วมกับ Marks & Spencer และ Premier Foods

Fonterra แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในด้านการรายงานผลลัพธ์ เช่น การจัดการโคนมที่ไม่ตัดเขา การดูแลสวัสดิภาพสัตว์ในระบบเลี้ยงแบบเปิด และการลดการขนส่งสัตว์เป็นระยะเวลานาน

 


 

บริษัทชั้นนำของเอเชียแปซิฟิกยังคงล้าหลัง: CPF และกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในอันดับต่ำสุด

แม้ว่าจะเป็นบริษัทอาหารรายใหญ่ในภูมิภาค เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) ของประเทศไทย ก็ยังคงอยู่ใน Tier 6 และได้ Impact Rating ระดับ F เป็นปีที่สองติดต่อกัน เช่นเดียวกับบริษัทอาหารญี่ปุ่นอย่าง Seven & i Holdings, Meiji Holdings, Maruha Nichiro, และ Nippon Ham ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอันดับต่ำสุดเช่นกัน

นอกจากนี้ ยังมีบริษัทจีนอีกหลายแห่งที่อยู่ใน Tier 6 และมี Impact Rating ระดับ F เช่น China Resources Vanguard, WH Group, Yili Group, New Hope Liuhe และ Yum China

 

ภาพรวมระดับโลก: ความก้าวหน้าแต่ยังเหลื่อมล้ำ

แม้ว่าผลการประเมินโดยรวมของปี 2024 จะชี้ให้เห็นถึงพัฒนาการในอุตสาหกรรมอาหารทั่วโลก แต่ก็ยังมีความเหลื่อมล้ำระหว่างภูมิภาคอย่างชัดเจน โดย:

  • สหราชอาณาจักรมีคะแนนเฉลี่ยสูงสุดที่ 41% 
  • ยุโรปและลาตินอเมริกาได้ 20% 
  • อเมริกาเหนือ 12% 
  • เอเชียแปซิฟิกเพียง 9% 

บริษัท 14 แห่งทั่วโลก (9%) ได้รับการปรับอันดับ Impact Rating สูงขึ้น โดย 3 บริษัทได้ระดับ B เป็นครั้งแรก และอีก 14 บริษัทได้เลื่อนระดับ Tier สูงขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นไปได้เมื่อบริษัทมีความตั้งใจจริง

 

การปรับมาตรฐานปี 2023: เน้นผลลัพธ์จริงมากกว่านโยบาย

BBFAW ได้ปรับเกณฑ์การประเมินตั้งแต่ปี 2023 ให้เน้นหนักไปที่ “ผลกระทบ” ที่เป็นรูปธรรมต่อสัตว์ เช่น:

  • การเลี้ยงแม่ไก่ไข่แบบไม่ขังกรง 
  • การไม่ตัดหางสุกร 
  • การไม่ตัดหรือเผาเขาวัว 

นอกจากนี้ ยังมีเกณฑ์ใหม่ที่ประเมินการ “ลดการพึ่งพาอาหารจากสัตว์” โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ปลา นม และไข่ ซึ่งในปีนี้มี 43 บริษัท (29%) ที่มองว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพิ่มขึ้นจาก 25% เมื่อปีก่อน

 

ตัวอย่างผลลัพธ์เชิงสถิติที่น่าสนใจ

  • บริษัท 67 แห่ง (45%) ยอมรับว่าสัตว์มีความสามารถในการรับรู้ความรู้สึก เพิ่มขึ้นจาก 36% ในปี 2023 
  • มีเพียง 42% ของบริษัทที่มีนโยบายยุติการใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อป้องกันโรค 
  • บริษัท 20% แรกในอันดับ BBFAW มีคะแนนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 39% เป็น 43% 
  • บริษัท 20% สุดท้ายยังมีคะแนนเฉลี่ยเพียง 3% เช่นเดิม 

กลุ่มธุรกิจ ‘ผู้ผลิตและแปรรูป’ ทำคะแนนสูงสุด

ในเชิงประเภทกิจการ บริษัทในกลุ่ม “ผู้ผลิตและผู้แปรรูป” มีคะแนนเฉลี่ยรวมสูงสุดที่ 21% ตามมาด้วย “ผู้ค้าปลีกและผู้ค้าส่ง” ที่ 17% ขณะที่ “ร้านอาหารและบาร์” แม้จะมีคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดที่ 16% แต่ก็เพิ่มขึ้นจาก 14% ในปีที่แล้ว และแสดงให้เห็นแนวโน้มที่ดี โดยมี 5 บริษัทที่ได้เลื่อนอันดับขึ้น

 

ความคาดหวังจากภาคประชาสังคม: CIWF และ FOUR PAWS หนุนบริษัทให้พัฒนาต่อเนื่อง

องค์กรที่อยู่เบื้องหลัง BBFAW ได้แก่ Compassion in World Farming (CIWF) และ FOUR PAWS ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้างความโปร่งใสและการดำเนินงานเชิงรุกด้านสวัสดิภาพสัตว์ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น

CIWF ได้สนับสนุนบริษัทในภูมิภาคให้เรียนรู้จากแบบอย่างที่ดี เช่น Fonterra โดยชี้ให้เห็นว่าความเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค เสริมภาพลักษณ์องค์กร และเตรียมพร้อมต่อกฎระเบียบด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

 

คุณฟิลิป ลิมเบอรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารระดับโลก องค์กรการกุศลด้านฟาร์มเลี้ยงสัตว์ Compassion in World Farming (CIWF) กล่าวว่า “ธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงระบบอาหารเพื่ออนาคตที่ยั่งยืนและคำนึงถึงสวัสดิภาพสัตว์ ขั้นตอนแรกที่สำคัญคือการยกเลิกการใช้กรง และเรากำลังดำเนินการได้อย่างดี เนื่องจากผลกระทบจากวิธีการปัจจุบันส่งผลต่อผู้คน สัตว์ และโลก การเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่ควรดำเนินการโดยเร็ว ทุกบริษัทต่างมีความสามารถในการผลักดันความก้าวหน้าอันยิ่งใหญ่โดยการเปลี่ยนผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพสัตว์ที่สูงขึ้นและการเลี้ยงแบบปลอดกรง พร้อมเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากพืชในพอร์ตโฟลิโอของผลิตภัณฑ์จากโปรตีน และการใช้ระบบเกษตรกรรมฟื้นฟู หากเราทุกคนร่วมมือกัน เราจะสามารถสร้างระบบอาหารที่คำนึงถึงสัตว์ รักษ์โลก และสร้างอนาคตดีให้กับทุกคน”

 

โจเซฟ ฟาบิแกน ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Four Paws กล่าวว่า “FOUR PAWS ยังยืนหยัดที่จะสนับสนุนความมุ่งมั่นของ BBFAW ในการส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์ในอุตสาหกรรมอาหาร และการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบอาหารที่ยั่งยืนและปราศจากการทดลองกับสัตว์ เป็นเรื่องที่น่าประทับใจที่ได้เห็นกลุ่มบริษัทชั้นนำหลายแห่งนำร่องใช้กลยุทธ์และการดำเนินการที่ทันสมัยเพื่อแก้ไขปัญหาการทารุณกรรมสัตว์ในฟาร์มกว่า 80 พันล้านชีวิตที่ถูกเชือดเพื่อเป็นอาหารทุกปี ผมดีใจที่เห็นบริษัทจำนวนมากขึ้นเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการลดการพึ่งพาอาหารที่มาจากสัตว์ ซึ่งไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นโอกาสที่จะปรับปรุงมาตรฐานความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์ในฟาร์มอีกด้วย อย่างไรก็ตาม สำหรับบริษัทส่วนมาก ความเป็นอยู่ของสัตว์ยังคงเป็นเพียงแค่คำพูดเท่านั้น จำเป็นต้องมีการดำเนินการที่เป็นรูปธรรมและมีการกระทำที่ชัดเจนในเรื่องนี้ FOUR PAWS ยังคงสนับสนุนและต่อสู้เพื่อยุติการกระทำที่โหดรายในฟาร์มอุตสาหกรรม รวมถึงการลดจำนวนสัตว์ฟาร์มทั่วโลก”

 

BBFAWได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มนักลงทุนสถาบันที่บริหารสินทรัพย์มากกว่า 2.4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งจะดำเนินการติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ ในปีถัดไปเพื่อผลักดันการพัฒนา

 

โรเบิร์ต-อเล็กซานด์ ปูจาด นักวิเคราะห์ ESG และผู้นำด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่ BNP Paribas Asset Management เผยว่า “BBFAW เป็นตัวชี้วัดที่ช่วยให้นักลงทุนได้รับข้อมูลเชิงลึกที่มีคุณค่าเกี่ยวกับคุณภาพการจัดการของบริษัทอาหารแต่ละแห่ง โดยเฉพาะบริษัทที่บริหารจัดการทั้งระบบสวัสดิภาพสัตว์ในฟาร์ม และให้ความสำคัญกับประเด็นสำคัญทางธุรกิจ เช่น ชื่อเสียง ห่วงโซ่อุปทานที่มีความยืดหยุ่น และการดื้อยาต้านจุลชีพ จะได้รับการยกย่อง ปีนี้ผลลัพธ์เป็นที่ประจักษ์ว่าบริษัทใดที่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้อย่างจริงจัง”

 

โจนาธาน เบย์ นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการลงทุนที่มีความรับผิดชอบ จาก NEI Investments กล่าวว่า “สำหรับนักลงทุน การยึดถือเกณฑ์มาตรฐานในอุตสาหกรรมอาหารเกี่ยวกับการดูแลสัตว์ในฟาร์ม (BBFAW) ถือเป็นกรอบสำคัญในการประเมินและลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสัตว์ในฟาร์ม BBFAW กระตุ้นการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องโดยการจัดอันดับผลการดำเนินงานของบริษัท การมุ่งมั่นในการดูแลสัตว์ที่แสดงผ่านผลกระทบที่มีนัยสำคัญในการดำเนินงานนั้นกลายเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้นในการสร้างธุรกิจที่มีความยืดหยุ่นและมีความรับผิดชอบ ซึ่งตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจในความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป”