3 นวัตกรรม AI รับมือน้ำท่วม-ไฟป่า ยุคโลกเดือด!

3 นวัตกรรม AI รับมือน้ำท่วม-ไฟป่า ยุคโลกเดือด!

ในยุคที่สภาพภูมิอากาศทั่วโลกเริ่มแปรปรวนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การนำเทคโนโลยีมาใช้แก้ไขปัญหาทางสิ่งแวดล้อมจึงกลายเป็นเรื่องที่ต้องเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการใช้ “ปัญญาประดิษฐ์” หรือ AI ที่กำลังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาแนวทางใหม่ ๆ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและโลกร้อนที่ไม่สามารถมองข้ามได้อีกต่อไป

โลกเดือดและความท้าทายทางสภาพภูมิอากาศ

ปัญหาภาวะโลกร้อนและสภาพอากาศที่แปรปรวนกำลังก่อให้เกิดผลกระทบรุนแรงในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศไทย ที่ต้องเผชิญกับภัยพิบัติจากน้ำท่วม, ไฟป่า, และอุณหภูมิที่สูงเกินกว่าค่าเฉลี่ยในหลายปีที่ผ่านมา เช่น ปี 2566 และ 2567 ที่ไทยมีอุณหภูมิสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ จากสถิติของกรมอุตุนิยมวิทยา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีแนวโน้มที่รุนแรงขึ้นในทุกปี

 

 

เมื่อโลกเข้าสู่ยุค “โลกเดือด” (Global Boiling) ตามที่นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติกล่าว การนำเอานวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้ในการรับมือกับภาวะนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นวัตกรรม AI กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้สามารถทำนาย, คาดการณ์, และตอบสนองต่อภัยธรรมชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

3 นวัตกรรม AI เพื่อการรับมือภัยพิบัติและการจัดการสิ่งแวดล้อม

จากวิกฤตดังกล่าว  กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในฐานะหน่วยงานขับเคลื่อนระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศเล็งเห็นความสำคัญในการแก้ปัญหาเพื่อป้องกันภัยทางธรรมชาติ จึงร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์การรับมือและบรรเทาปัญหาภัยธรรมชาติ

 

1. Fon Faa Arkat: สถานีแจ้งเตือนภัยน้ำท่วมและสภาพอากาศอย่างแม่นยำด้วย AI

 

มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตขอนแก่น ได้พัฒนาและนำระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วยทำนายการเกิดฝนตกล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ โดยใช้เทคโนโลยีการประมวลผลข้อมูลบนอุปกรณ์โดยตรงไม่ผ่านระบบคลาวด์ หรือเซิร์ฟเวอร์ระยะไกล หรือ Edge AI ที่สามารถใช้ได้ในอุปกรณ์ขนาดเล็ก ขยายผลได้ดี ทำงานได้แม้ในพื้นที่ที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ด้วยกระบวนการ Machine Learning แบบ Convolutional Neural Network (CNN) ที่เหมาะสมกับการทำนายข้อมูลเชิงปริมาณที่ถูกจัดเก็บในช่วงเวลาหนึ่ง และเหมาะสมกับการใช้ร่วมกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนในพื้นที่ห่างไกล เข้าถึงได้ง่าย และมีราคาไม่แพง

 

ซึ่งต่างกับการใช้ cloud AI ที่มีค่าใช้จ่ายสูงและต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น อีกทั้งยังสามารถแจ้งเตือนได้แบบเรียลไทม์ผ่านไลน์และจอสาธารณะ ช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างทันท่วงที เพื่อนำมาวางแผนล่วงหน้าในการป้องกันภัยน้ำท่วมและการทำเกษตรกรรมได้ เป็นนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการของเทศบาลตำบลกุดหว้า อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ และอีกหลายชุมชนที่เคยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมจากปริมาณน้ำฝนสะสม พายุเข้าหรือเกิดน้ำป่าไหลหลาก จนเกิดความเสียหาย โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมของประชาชน ดังนั้น การทราบล่วงหน้าว่าฝนจะตกหรือน้ำจะท่วม จะช่วยให้ประชาชนสามารถเตรียมการรับมือได้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น

 

2. เรือกู้ภัยไฟฟ้าพลังงานโซล่าเซลล์ นวัตกรรมช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม

 

ปัญหาน้ำท่วม เกิดขึ้นบ่อยในชุมชนหาดสวนยา จ.อุบลราชธานี ซึ่งสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับวิทยาลัยเทคนิคนครอุบลราชธานี ได้พัฒนานวัตกรรม เรือไฟฟ้าพลังงานโซล่าเซลล์ ขนาดมอเตอร์ 1,200 วัตต์ สามารถบังคับเดินหน้า-ถอยหลังได้ด้วยคันเร่งแบบบิด รองรับน้ำหนักได้ 1,000 กิโลกรัม และวิ่งได้ไกล 8 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง แม้ไม่มีแสงแดด

 

ชุดแปลงแรงดันไฟฟ้ายังสามารถใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ เช่น พัดลม และชาร์จโทรศัพท์มือถือ เพื่อช่วยสื่อสารในสถานการณ์น้ำท่วม ปัจจุบันได้ส่งมอบให้ชุมชนใช้งานจริง และหากได้รับการสนับสนุนให้ผลิตในเชิงพาณิชย์ จะสามารถช่วยเหลือผู้ประสบภัยและลดความเสียหายในพื้นที่อื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

3.ชุดการเรียนรู้การรับมือสถานการณ์ฝุ่น

 

 

 

วิกฤตหมอกควันและฝุ่นในภาคเหนือของไทยส่งผลกระทบต่อประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทางเดินหายใจ กลุ่มชุมชนสันกำแพง จ.เชียงใหม่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พัฒนา “ชุดการเรียนรู้การรับมือสถานการณ์ฝุ่น” ด้วยกล่องลังฟอกอากาศ DIY และมุ้งสู้ฝุ่น ซึ่งประกอบด้วยมุ้งความละเอียดสูงจากฝีมือชุมชน พัดลมดูดอากาศ และแผ่นกรอง HEPA

 

โดยอุปกรณ์ทั้งหมดราคาไม่แพงและทำจากวัสดุรีไซเคิล 100% การทดสอบในห้องขนาด 24 ลูกบาศก์เมตร พบว่า PM 2.5 ลดลงจาก 220 เป็น 45 ภายใน 15 นาที และลดเหลือ 4 ใน 40 นาที ซึ่งถือว่าปลอดภัยต่อสุขภาพ ด้วยประสิทธิภาพกำจัดฝุ่นสูงถึง 98.77% นวัตกรรมนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อเครื่องกรองอากาศและเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้เครื่องปรับอากาศได้

 

นวัตกรรมที่เป็นมิตรกับโลก

ทั้งหมดนี้ สะท้อนว่าการนำ AI มาใช้ในด้านการพัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติทางธรรมชาติ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างโลกที่ยั่งยืน การสนับสนุนให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมเหล่านี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีความร่วมมือจากภาครัฐ, ภาคประชาชน และองค์กรต่าง ๆ เพื่อร่วมกันรับมือกับวิกฤตที่เกิดขึ้นและลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคต…

 

อ่านบทความเพิ่มเติม :