เวทีเศรษฐกิจโลก (WEF) ปี2024 ผู้นำเศรษฐกิจโลกผู้กุมมูลค่าเศรษฐกิจกว่าครึ่ง ได้ทิ้ง 10 สิ่งทรงอิทธิพลในการเคลื่อนโลกใบใหม่ หลังโลกผ่านพ้นจุดวิกฤติในหลากหลายความท้าทายในปีที่ผ่านมา
ท่ามกลางภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ผู้นำธุรกิจทั่วโลกได้มารวมตัวกันเพื่อกำหนดทิศทางสาระสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในปี2024 ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ แม้จะมีปัจจ้ยความท้าทายมากมายเป็นอุปสรรคที่หลีกเลี่ยงไมได้ แต่ก็มาพร้อมกับโอกาสมากมายเช่นกัน
การประชุมประจำปีครั้งที่ 54 ของการประชุมเวทีเศรษฐกิจโลก ( World Economic Forum -WEF) ซึ่งตัวแทนผู้นำจากภาคธุรกิจระดับโลก รัฐบาล ภาคประชาสังคม สื่อ และนักวิชาการจากสถาบันการศึกษามารวมตัวกันเพื่อมุ่งขับเคลื่อนทิศทางการสร้างความไว้วางใจ
นี่คือ 10 สิ่งใจความสำคัญจากเวทีแห่งประวัติศาสตรื ที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับโลกต่อไป
1. ความว่องไว เป็นสิ่งสำคัญในสร้างผลลัพธ์อันโดดเด่น
ผู้นำในองค์กรก้าวไปข้างหน้าหรือขยับตัวในการดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็ว จึงจะเท่าทันกับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงเป็นสรณะ ผลลัพธ์ของธุรกิจที่มีความว่องไว จะเติบโตได้รวดเร็วกว่าคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน
ผู้นำที่มีความว่องไว รวดเร็ว สะท้อนถึงความพร้อมปรับตัวยืดหยุ่น สูงขึ้น 2.1 เท่า ประสิทธิภาพทางการเงินสูงขึ้น 2.5 เท่า และสร้างการเติบโตสูงขึ้น 3.0 เท่า และยังช่วยสร้างนวัตกรรมเพิ่มขึ้น 4.8 เท่า
2. การสร้างความร่วมมือเพิ่มขีดแข่งขันในทิศทางเดียวกัน และการแข่งขันและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข
ผู้นำสามารถฝึกทักษะเรื่อง การสร้างความร่วมมือ และหาจุดสมดุลระหว่างการแข่งขัน กับการสร้างความร่วมมือกับคู่แข่ง จึงต้องสร้างพื้นที่ในการหาผลประโยชน์ร่วมกัน ท่ามกลางสิ่งที่แตกต่างกัน
3. ยุคแห่งการฟื้นฟูและปฏิวัติAI กำลังเริ่มต้น
ยุคปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพิ่งเริ่มต้นจากการเปลี่ยนผ่านในการเป็น กองทัพแถวหน้าในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริการในตลาด จะช่วยเร่งการเพิ่มผลการดำเนินงานในภาคส่วนต่างๆ ในองค์กร อาทิ การตลาด การขาย การบริหารจัดการ การบริการลูกค้า และการพัฒนาซอฟต์แวร์ ถือเป็น กระบวนการที่ช่วยปลดล็อกมูลค่าตลาดสูงถึง 1ล้านล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ข้ามกลุ่มธุรกิจตั้งแต่ภาคธนาคารไปจนถึงวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต
4. ความยั่งยืนจำเป็นต้องมีข้อบังคับในการดำเนินการในภาคธุรกิจ
เส้นทางที่โลกจะขับเคลื่อนสู่เศรษฐกิจคาร์บอนเป็นศูนย์ ( Net-zero) แม้จะมีความซับซ้อนมากขึ้นในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา แต่บริษัทจะต้องมีความกล้าหาญในการตัดสินใจปฏิบัติการอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเร่งสร้างมูลค่าและจุดยืนธุรกิจที่จะยืนเหนือคู่แข่ง จึงจะถือเป็นการสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ
5. สุขภาพดีของสตรี สะท้อนถึงความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ
สุขภาพที่ดีของผู้หญิง ส่งผลไปสู่การสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ นี่คือองค์ประกอบสำคัญในการเปลี่ยนผ่านธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นการลงทุนในการแก้ไขปัญหาด้านสุขภาพให้กับสตรี ได้มีอายุขัยยืนยาว ช่วยให้พวกเธอชีวิตที่ดีขึ้น มีผลไปสู่การขับเคลื่อนกระตุ้นเศรษฐกิจโลกมูลค่าถึง 1 ล้านล้านเหรียญดอลลาร์ต่อปี ภายในปี 2583.
ทั้งนี้ ในการประชุมWEF ที่ ดาวอส มีการประชุมหารือเรื่องความไม่เท่าเทียมกันในด้านสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี(Well being) เพื่อร่วมมือกันจัดการกับความเหลื่อมล้ำด้านสุขภาพทั่วโลก ผ่านเครือข่ายด้านสุขภาพ หรือ Global Health Equity Network ของ WEF อีกทั้งยังมีการเปิดตัวพันธสัญญาการลดช่องว่างทางสุขภาพ “ Zero Health Gaps Pledge” เป็นการลงนามการให้คำมั่นสัญญาด้านสุขภาพจากภาคส่วนต่าง ๆ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนความเสมอภาคด้านสุขภาพของโลก
6. การเปลี่ยนผ่านองคาพยพสู่ความยั่งยืนอย่างมีประสิทธิภาพ
4 ปัจจัยสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ความสำเร็จ ความมุ่งมั่น การพัฒนาทักษะ การพัฒนากฎระเบียบอย่างเข้มงวด และการวางขอบเขต โดยมีผู้นำสร้างความเปลี่ยนแปลงนำหน้าไปก่อนคู่แข่ง จึงจะสามารถทิ้งพฤติกรรมหรือรูปแบบเดิม ไปสู่การเติบโตอย่างรวดเร็วเหนือคู่แข่ง
7. ผู้นำธุรกิจต้องมีการวางจุดมุ่งหมายและหาคนเก่งเข้ามามีบทบาทในการสร้างคุณค่าสอดคล้องกับเป้าหมาย
ผู้นำต้องรู้จักวางคนให้ถูกกับงาน ซึ่งถือเป็นบทบาทที่สำคัญสูงสุดในหลายองค์กร โดยผลวิจัยพบว่ามี 20-30% ที่เลือกคนไม่ถูกมาทำงานจึงเกิดปัญหาในการขับเคลื่อนการดำเนินงาน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการจ้างงานผู้ที่มีพื้นฐานความรู้ มีทักษะตรงกับงาน มีความรู้และความสามารถ พร้อมพัฒนาทักษะใหม่ จึงจะช่วยขับเคลื่อนองค์กร
8. ซีอีโอยอดเยี่ยมที่สุด คือผู้ที่สร้างองค์กรให้ดีกว่าวันที่เริ่มต้นเข้ามา บริหาร
การสร้างความพึงพอใจถือเป็นความท้าทายของผู้บริหารระดับสูง แต่ผู้บริหารระดับสูงที่ประสบความสำเร็จ คือผู้ที่มีผลงานโดดเด่น สร้างคุณค่าที่แตกต่างจากที่องค์กรทำไว้เดิม
9. ผลการดำเนินงาน และความหลากหลายไม่ใช่สิ่งที่ขัดแย้งกัน
ในช่วงที่ธุรกิจได้รับความความกดดันจากการบริหารการเงินเพื่อรักษาผลประกอบการ ไปพร้อมกันกับการขับเคลื่อนทิศทางธุรกิจให้เท่าทันรับมือกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในขณะเดียวกัน. จึงเกิดความหลากหลายทางธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่สามารถขับเคลื่อนไปพร้อมกันได้ โดยไม่ต้องทิ้งสิ่งใดไป เป็นการรักษาธุรกิจให้คงอยู่ พร้อมกันกับการเติบโตคู่กัน
10. อย่าประเมินศักยภาพของอินเดียต่ำเกินไป
อินเดียกำลังเป็นประเทศที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งมีความโดดเด่นทางอุตสาหกรรมและธุรกิจแห่งปี 2024 ทั้งด้าน เทคโนโลยี, ทักษะคน, ด้านสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจและมองข้ามไม่ได้
การประชุมประจำปี WEF 2023 อินเดียกลายเป็นดาวเด่นในที่ประชุมครั้งนี้ ตัวแทนจากอินเดียครองที่นั่งถึง 8 แถวในเวทีการประชุม ถือเป็น “ดาวรุ่งดวงใหม่” ของเศรษฐกิจโลก
กระแสการลงทุนในอินเดีย เกิดการขับเคลื่อนจากภูมิรัฐศาสตร์ บรรดาผู้นำของธุรกิจชั้นนำของโลกล้วนพูดถึงเรื่อง “Nearshoring” หมายถึง การทำให้ห่วงโซ่อุปทานสั้นลง เพื่อลดความเสี่ยง และ “Friendshoring” คือการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจ กับประเทศที่มีอุดมการณ์ค่านิยมอย่างเดียวกัน แนวคิดนี้จึงทำให้”อินเดีย”กลายเป็นทางเลือก ที่มาทดแทนจีน
การที่อินเดียก้าวขึ้นมาโดดเด่นในเศรษฐกิจ ภายหลังจากผ่านพ้นปี 2023 ช่วงที่เศรษฐกิจโลกจะถดถอย แต่อินเดียกลับเป็นประเทศที่เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตดีที่สุดในบรรดาประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโต 6.6% ขณะที่สหรัฐฯ จะโตแค่ 0.6% และจีนเติบโต 4.3%
สถาบันวิจัยในอังกฤษชื่อ The Center for Economics and Business Research (CEBR) คาดหมายว่า หากอินเดียสามารถรักษาการเติบโตเศรษฐกิจที่สูงได้ต่อเนื่อง ในปี 2026 เศรษฐกิจอินเดียจะล้ำหน้าเยอรมนี กลายเป็นประเทศที่มีขนาดศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2032 มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าญี่ปุ่น และกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 3 ของโลก